เร่งหาทายาทรับมรดก2ล้านจากลุงขอทานที่นอนตาย พระเผยได้เงินวันละ2-3พัน
จากกรณีที่โลกออนไลน์เผยแพร่ภาพศพชายเร่รอนคนหนึ่ง นอนเสียชีวิตมีหน้ากุฏิพระภิกษุสงฆ์ของวัดโกรกกราก ต.โกรกกราก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ข้างกายมีทรัพย์สินเป็นเงินสด 12,420 บาท และยังมีสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร 3 เล่ม โดยในบัญชี 2 เล่มมีเงินฝากแต่ละเล่มอยู่เล่มละหนึ่งหมื่นกว่าบาท แต่สมุดบัญชีธนาคารอีกเล่มหนึ่ง มีเงินในบัญชี 1,540,000 บาท ยอดปรับบัญชีล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2559 โดยจากบัตรประชาชนที่ตรวจค้นเจอระบุชื่อ นายปัน อโนมา อายุ 85 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชนอยู่ที่ จ.ภูเก็ต พร้อมมีข้อความระบุกำลังติดตามหาญาติของผู้เสียชีวิตอีกด้วย
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. พระครูวิสุทธิสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดโกรกกราก เล่าว่า ชายชราที่เสียชีวิตนี้ได้มาขอพักอาศัยอยู่ที่วัดโกรกกรากนานเกือบ 30 ปีแล้ว โดยไม่ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นมีใครมาหาลุงปันเลยสักครั้ง ซึ่งในแต่ละวันลุงปันจะออกจากวัดในตอนเช้าและกลับเข้ามานอนที่วัดหน้ากุฏิของพระพิม พระลูกวัดโกรกกรากเป็นประจำทุกคืน แต่ไม่เคยมาขอข้าววัดกินเลย และไม่เคยยุ่งอะไรที่เป็นของวัด นอกจากพระในวัดจะเอาไปให้แกกิน ลุงปันถึงจะยอมรับของและกินของเหล่านั้น เสื้อผ้า เครื่องนอนผ้าห่มก็ไม่เคยขอจากทางวัด มีอะไรก็ใช้เท่าที่มี และลุงปันก็ไม่เคยบริจาคเงินให้กับวัด ดังนั้นจึงไม่เคยมีพระรูปใดทราบมาก่อนว่าลุงปันมีเงินเก็บมากถึงเกือบ 2 ล้านบาท
พระครูวิสุทธิสิทธิคุณกล่าวว่า ส่วนศพของลุงปันหลังจากที่เสียชีวิตลงแล้วนั้น ทางวัดได้สวดพระอภิธรรมให้เป็นเวลา 1 คืน และเก็บใส่ซองไว้ที่วัดก่อน เพื่อรอญาติมาติดต่อขอรับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป หรือรอจนกระทั่งปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่าไม่มีญาติแน่นอน ก็จะทำพิธีบำเพ็ญกุศลให้ ขณะที่หลักฐานทางบัญชีธนาคารและทรัพย์สินทั้งหมดของลุงปันที่พบนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ด้านพระพิม สุขโฉม อายุ 79 ปี พระลูกวัดโกรกกราก เล่าว่า ได้บวชอยู่ที่วัดโกรกกรากมานานถึง 25 พรรษาแล้ว โดยตั้งแต่บวชมาก็เห็นนายปันมาอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว ตั้งแต่อดีตเจ้าอาวาสรูปก่อน ปกตินายปันเป็นคนปกติดี แต่ชอบพูดคนเดียวไม่ค่อยคุยอะไรกับใคร ซึ่งทุกๆ เช้าเวลาประมาณ 06.00 น. นายปันจะออกจากวัดไปแต่เช้ามืด และจะกลับเข้ามาวัดอีกครั้งก็ตอนมืดค่ำประมาณ 1 ทุ่ม โดยไม่เคยบอกว่าออกไปไหน หรือไปหาใคร
แต่ผู้ตายเคยเล่าให้ฟังว่า เคยเป็นอดีตทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเมียอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และมีญาติอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งในทุกๆ ปี เมื่อจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดเชียงใหม่ มีงานประจำปีของจังหวัด นายปันก็จะต้องกลับไปที่ 2 จังหวัดนี้ตลอด ครั้นพอถามว่ากลับไปอย่างไร นายปันก็จะบอกว่า นั่งเครื่องบินไป ทั้งนี้ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร ส่วนเรื่องอาชีพของนายปันนั้น ก็เคยถามว่าออกจากวัดไปทำอะไรที่ไหน นายปันก็บอกว่าไปทำงานอยู่แถวบางแค ซึ่งเมื่อก่อนนั้นพอเย็นนายปันกลับมาถึงวัด ก่อนนอนก็จะเอาเงินมาฝากไว้วันละ 2,000 – 3,000 บาท
พอเช้าก่อนจะออกจากวัดก็จะขอนับเงินที่ฝากไว้เมื่อตอนเย็นวาน พอนับว่าอยู่ครบก็จะฝากไว้ใหม่แล้วก็ออกไปจากวัด พอกลับมาตอนเย็นก็เอาเงินมาฝากเพิ่มอีก และเช้าก็จะขอนับเงินทั้งหมดก่อนออกไป โดยนายปันจะทำเช่นนี้ทุกวัน จนกระทั่งอาตมาบอกว่าไม่ไหวแล้วขี้เกียจรับฝาก เพราะเย็นฝากเช้าก็ขอนับทุกวัน ซึ่งต่อมานายปันก็ขอเงินทั้งหมดแล้วบอกว่าจะเอาไปฝากธนาคาร โดยไม่เคยมีใครรู้ว่าลุงปันมีเงินฝากอยู่เท่าไหร่และไม่เคยมีใครเห็นบัญชีธนาคารของนายปันเลย เพราะคิดว่าเป็นเพียงชายเร่ร่อนทั่วไป จนกระทั่งเมื่อนายปันเสียชีวิต และตำรวจเข้าตรวจสอบจึงพบบัญชีเงินฝากธนาคารของนายปันว่ามีตัวเลขอยู่รวม 3 บัญชีเกือบ 2 ล้านบาท
ทั้งนี้ตั้งแต่นายปันเสียชีวิตลง ก็ยังไม่มีใครมาติดต่อว่าเป็นญาติ ซึ่งหากใครที่เป็นญาติของลุงปัน อโนมา ตัวจริงก็ขอให้นำหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าอาวาสวัดโกรกกราก หรือติดต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อที่จะได้รับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีและดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินตามกฎหมายต่อไป
ที่มา ข่าวสด
0 comments:
Post a Comment