ทนายจำเลยเผย ตร.อ้าง'นาย'เร่งคดี ก่อนบุกจับแพะข่มขืนแหม่ม
ภายหลังจากนายสฤษดิ์ จั่นทอง อายุ 41 ปี หนุ่มชาว จ.นนทบุรี ยึดอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกมาร้องขอความเป็นธรรมกรณีถูกตำรวจจับกุมเป็นแพะในคดีร่วมกันพยายามข่มขืนแหม่มสาวชาวแคนาดาที่ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายสฤษดิ์ยังคงออกไปนั่งขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ศูนย์การค้าสลากไทย ถนนนนทบุรี 1 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี ตามปกติ โดยมีพ่อค้าแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลคอยให้กำลังใจ โดยเมื่อวันที่ 4 ก.พ.เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ไปพบนายสฤษดิ์ จั่นทอง ขณะนั่งขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ศูนย์การค้าสลากไทย นายสฤษดิ์เปิดเผยว่า หลังจากมีข่าวตกเป็นแพะ ได้มีพ่อค้าแม่ค้าสลาก ที่รู้จักกันมาสอบถามเรื่องราวและให้กำลังใจต่อสู้อย่าท้อถอย เนื่องจากทุกคนรู้ดีว่าตนไม่ได้ไปขับรถแท็กซี่ที่ จ.ภูเก็ต แล้วจะไปข่มขืนแหม่มได้อย่างไร
ด้านนางรัตนา รัตนนิยม อายุ 75 ปี ผู้ค้าสลาก กล่าวว่า ไม่เชื่อว่านายสฤษดิ์ก่อเหตุอย่างที่ถูกตำรวจกล่าวหา ตนขายสลากมาตั้งแต่รุ่นพ่อนายสฤษดิ์อยู่ที่ข้างกองสลากฯ ถนนราชดำเนิน มากว่า 30 ปีแล้ว ไม่เคยเห็นนายสฤษดิ์ ไปไหนเลย อาชีพขายสลากจะไปไหนไกลได้ ยิ่งไปก่อเหตุถึง จ.ภูเก็ต เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ขณะที่นายนรินทร์ หงษ์ปภา อายุ 53 ปี ผู้ค้าสลากอีกราย กล่าวว่า เห็นนายสฤษดิ์ มาขายสลากตั้งแต่รุ่นบิดายันรุ่นลูก เห็นมาขายกับพ่อสมัยเรียนมัธยม ย่านราชดำเนิน ก่อนจะมาขายต่อจากพ่อและย้ายมาอยู่ที่นนทบุรีหลายสิบปี “ผมเห็นเขามานานไม่ใช่คนนิสัยเกเร เป็นคนรักครอบครัว ไม่เคยย้ายไปทำงานที่จังหวัดอื่น จึงไม่เชื่อว่าจะไปก่อเหตุพยายามข่มขืนแหม่มที่ จ.ภูเก็ต เป็นการจับแพะมากกว่า อยากให้ตำรวจตรวจสอบให้ดีก่อนออกหมายจับ”
ส่วนที่ จ.ภูเก็ต นายสมเกียรติ พรพรหมมา ทนายความของจำเลยอีกคนในคดีเดียวกัน เปิดเผยว่า หลังจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ, ไทยรัฐออนไลน์ และไทยรัฐทีวี ได้นำเสนอข่าวคดีจับแพะรายนี้ ได้มีนายตำรวจตั้งแต่ระดับ ผกก.ถึง รอง ผบก. โทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลต่างๆ และความเป็นมาของคดีที่เกิดขึ้นเช่นกัน “ตำรวจถามว่า คดีนี้เป็นการจับแพะจริงหรือ ผมตอบอย่างเต็มปากเต็มคำกลับไปว่า คดีนี้แพะ และขอให้นายตำรวจที่เกี่ยวข้องกลับไปตรวจสอบหลักฐานที่มีอยู่ให้ดีๆ การรวบรวมพยานหลักฐานก่อนเสนออนุมัติออกหมายจับ ตลอดจนมีการจับกุมผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิดนั้น ครบทุกขั้นตอนหรือไม่อย่างไร และชุดจับกุมในขณะนั้นยังระบุว่า ผู้บังคับบัญชาเร่งรัดให้ปิดสำนวนคดีนี้ ผมเข้าใจผู้ปฏิบัติงาน แต่ไม่ดีใจแน่ที่มีการจับคนผิดมาดำเนินคดี”
นายสมเกียรติเปิดเผยอีกว่า กรณีที่มีคนเป็นห่วง กรณีออกมาเปิดเผยรายละเอียดคดีนี้จะได้รับอันตราย หรือเจออิทธิพลมืด ขอยืนยันว่าเป็นทนายความ มีหน้าที่ทำความจริงให้ประจักษ์ต่อสังคมและกฎหมาย เพื่อให้ลูกความหรือผู้ที่ไม่ได้กระทำความผิดได้รับความเป็นธรรม จะได้พ้นผิดและไม่มีตราบาปติดตัวในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้กระทำ จึงไม่กลัวกับสิ่งที่จะตามมา เพราะทุกอย่างเป็นหน้าที่ของการเป็นทนายความ
ที่มา ไทยรัฐฉบับพิมพ์
0 comments:
Post a Comment