Friday, January 15, 2016

สยอง!หนุ่มช่างศิลป์นอนพาดราง รถไฟทับหัวขาดกระเด็นก่อนถึงสถานีศาลายา ตร.คาดจงใจฆ่าตัว


 เมื่อเวลา 10.24 น. วันที่ 15 ม.ค. ศูนย์สั่งการวิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม รับแจ้งทาง 191 มีผู้ถูกรถไฟชนลักษณะคล้ายจะจงใจนอนให้รถไฟทับ จึงประสานแจ้งท้องที่ สภ.พุทธมณฑล ทราบ ซึ่งหลังรับรายงาน พ.ต.ท.ธงชัย เนตรสขาวัฒน์ รอง ผกก.ป.สภ.พุทธมณฑล ได้รายงานให้ พ.ต.อ.วรพล ยิ่งเจริญ ผกก.สภ.พุทธมณฑล ทราบก่อนรุดไปตรวจสอบ พร้อมร้อยเวร 20 สายตรวจรถยนต์ จยย.เขต


 ที่เกิดเหตุก่อนถึงสถานีรถไฟศาลายา 300 เมตร พบร่างและชิ้นส่วนมนุษย์เสียชีวิต เป็นชายไม่ทราบชื่อ และสัญชาติ สภาพศพศีรษะขาดกระเด็นไปข้างรางรถไฟ ห่างจากศพประมาณ 50 เมตร ส่วนลำตัวแขน ขาขาด กองอยู่ภายในระหว่างรางรถไฟ จึงประสานพนักงานสอบสวน แพทย์ และส่วนเกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบและชันสูตรพลิกศพ

 หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุและพลิกศพแล้ว ร.ต.อ.กิจพัฒน์ จิตตินาช พนักงานสอบสวนเวรสอบสวน สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม รายงานผู้บังคับบัญชาว่า ผู้ตายคือนายสุพจน์ กรกิจ อายุ 35 ปี ภูมิอยู่บ้านเลขที่ 60/1 ม.1 ต. วังพิกุล อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ถูกรถไฟขบวนที่ 43 ปรับอากาศด่วนพิเศษ กรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี ทับเสียชีวิตบนรางรถไฟบริเวณประแจด้านทิศเหนือก่อนถึงสถานีศาลายา ประมาณ 300 เมตร สภาพศีรษะขาด ร่างฉีกขาดเละขาขาดออกจากตัว ที่รางรถไฟด้านทิศเหนือมีเศษเส้นผมและกระโหลกศีรษะติดอยู่ ห่างออกไป 700 เมตร ขบวนรถไฟขบวนที่ 43 ปรับอากาศด่วนพิเศษ กรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี จอดอยู่มีนายกิจจาพจน์ ไทยเดชา พนักงานขับรถ รอให้การ

 นายกิจจาพจน์ ไทยเดชา พนักงานขับรถ (พขร.) กล่าวว่า ทำหน้าที่ พขร.รถไฟขบวนดังกล่าวมาจากสถานีหัวลำโพง มุ่งหน้าปลายทางสุราษฎร์ธานี เมื่อผ่านสถานีศาลาธรรมสพ เข้าสถานีศาลายา จู่ๆก็มีคนเดินออกมาจากฝั่งทิศใต้นอนขวางพาดรางรถไฟศีรษะไปทางทิศเหนือ เอาผ้าขาวม้าคลุ่มร่างจึงส่งสัญญาณเสียงหวูด เตือน พร้อมพยายามห้ามล้อแต่ไม่สามารถห้ามล้อได้ทันขบวนรถไฟจึงพุ่งทับร่าง

 ด้านตำรวจตรวจที่เกิดเหตุแล้วลงความเห็นว่า นายสุพจน์ น่าจะเดินมานอนพาดรางรถไฟเพื่อฆ่าตัวตาย เพราะมีเศษเส้นผมและกระโหลกศีรษะติดอยู่กับรางรถไฟ ซึ่งทางตำรวจได้ประสานไปยังนายสมพงษ์ วรกิจ อายุ 65 ปี บิดาของนายสุพจน์ แล้วทราบว่า นายสุพจน์เป็นช่างศิลปะวาดรูปตามผนัง โบสถ์ กำแพงวัด และปูนปั้นรูปเหมือน ซึ่งลูกชายออกจากบ้านมาราว 2 ปี หลังจากแม่เสียชีวิต ซึ่งไม่เคยรู้ว่าลูกชายไปอยู่หรือทำงานที่ไหนบ้าง อย่างไรก็ตาม จะมาขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านต่อไป

ที่มา ข่าวสด


0 comments:

Post a Comment

กด Like เพื่อร่วมติดตามข่าวใหม่ๆก่อนใคร

Advertisement

ข่าวที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Flag Counter

Powered by Blogger.

กด Like = 1 กำลังใจ
กดพื้นที่ว่างหรือกากบาทด้านล่างเพื่ออ่านข่าว

Powered By | Blog Gadgets