โจ๋แสบปาระเบิดปิงปองป่วนวิทยาลัยอาชีวะอ้อมน้อย สะเก็ดถูกรถครูสาว-ตร.คาดแค่ข่มขู่อริ

 เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 15 ม.ค. ร.ต.ท.หญิง รุ้งทอง สูนสมงาม ร้อยเวร สภ.กระทุ่มแบน รับแจ้ง มีเหตุปาวัตถุระเบิดปิงปอง เข้าไปในวิทยาลัยอาชีวศึกษา เทศบาลอ้อมน้อย ตั้งอยู่เลขที่ 999 หมู่ที่ 2 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร มีรถยนต์ได้รับความเสียหาย จึงรายงานให้ พ.ต.อ.วิเชียร ประทุมรัตน์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน พ.ต.ท.อำพล โอ่เอี่ยม สวป.สภ.กระทุ่มแบน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนฯ ได้รับทราบ และเดินทางไปตรวจสอบ


 ที่เกิดเหตุบริเวณลานด้านหน้าโรงเรียน พบรถยนต์ ยี่ห้อนิสสัน อัลเมร่า สีบอร์นเงิน หมายเลขทะเบียน 4 กฆ 8240 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ 1 คัน มีน.ส.พเยาว์ คำตา อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นคุณครูของวิทยาลัยอาชีวศึกษา เป็นเจ้าของรถ โดยสภาพประตูด้านหลังของรถมีรอยคล้ายถูกสะเก็ดของแข็งกระแทก จนเป็นรอยยุบลงไปเล็กน้อย ส่วนพื้นที่เพิ่งจะเทยางคอนกรีตใหม่ ห่างจากรถยนต์ประมาณ 50 เซนติเมตร พบหลุมขนาดกว้างประมาณ 2 นิ้ว ลึกประมาณ 1 เซนติเมตร ซึ่งเป็นหลุมที่เกิดจากการถูกระเบิดปิงปองหล่นมากระแทกและแตกกระจายออก

 จากการสอบถามนายวรพล โพธิ์เต็ง ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษา เทศบาลอ้อมน้อย กล่าวว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงที่นักเรียนกำลังเรียนกันอยู่บนอาคารเรียน โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นได้ปาวัตถุระเบิดปิงปองเข้ามาจากด้านข้างกำแพงของโรงเรียน ซึ่งห่างจากจุดที่ระเบิดตกลงมาประมาณ 5 เมตร ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะเป็นวัยรุ่นต่างสถาบันฯ ที่กระทำเพียงเพื่อหวังข่มขู่นักเรียนในวิทยาลัยอาชีวศึกษาอ้อมน้อย หรือก่อความไม่สงบเท่านั้น

 ขณะที่จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครอ้อมน้อย พบว่า ก่อนเกิดเหตุมีชาย 2 คน สวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีดำ สวมหมวกกันน๊อคปิดบังใบหน้า ขับรถจักรยานยนต์สีแดงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเข้ามาในซอยวิทยาลัย แล้วก็ไปวนรถที่บริเวณด้านหน้าวิทยาลัยอาชีวศึกษา ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าซอยข้างวิทยาลัยฯ จากนั้น เพียงชั่วครู่เดียวก็รีบขับออกมาแล้วหลบหนีไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนที่ก่อเหตุปาวัตถุระเบิดปิงปองเข้าไปในวิทยาลัยอาชีวะดังกล่าว

 ด้าน พ.ต.อ.วิเชียร ประทุมรัตน์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น เชื่อว่าวัตถุที่ปาเข้ามานี้เป็นวัตถุระเบิดยักษ์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ระเบิดปิงปอง โดยผู้ก่อเหตุน่าจะต้องการทำเพื่อข่มขู่คู่อริให้เกิดความกลัว แต่ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันการศึกษาอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากนี้ก็จะได้ให้เจ้าหน้าที่วิทยาการ จากกองพิสูจน์หลักฐาน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เข้ามาเก็บหลักฐานต่างๆ ไปตรวจสอบ และจะนำหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาประกอบ เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา มีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำให้เกิดการระเบิด และทำให้เกิดการเสียทรัพย์สิน

ที่มา ข่าวสด