เพื่อนบ้านปืนดุ มอบตัวยิง3ศพ อ้างชั่ววูบ ปมวิวาท! แย่งที่จอด

 

บัณฑิตเภสัชฯ มอบตัวคดีรัว ฆ่าสยอง3 ศพ ย่านสวนสยาม อ้างบันดาลโทสะเจ๊เจ้าของร้านชำขว้างขวดใส่เมีย เลยชักปืนยิงใส่ขาคู่กรณี จากนั้นควบคุมตัวเองไม่ได้อีกตามยิงอีก 2 คน ยันไม่ได้ตั้งใจให้ถึงตาย ก่อนพาเมียหนีไปตั้งหลัก กระทั่งสำนึกผิดติดต่อขอเข้ามอบตัว พร้อมขอโทษญาติคนตาย ชาวบ้านแห่รุมประชาทัณฑ์ช่วงนำตัวไปทำแผนฯ จนวุ่นวาย


จาก กรณีเพื่อนบ้านทะเลาะกันเรื่องที่จอดรถ จนมือปืนยิงเจ๊เจ้าของร้านชำและลูกจ้างชาวกัมพูชา รวมถึงเจ้าของร้านตัดผมเพื่อนบ้านที่เข้ามาห้าม บาดเจ็บสาหัสไปตายที่โรงพยาบาลรวม 3 ศพ เหตุเกิดเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายในซอยสวนสยาม 15 ถนนสวนสยาม แขวงและเขตคันนายาว ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่สน.บางชัน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อม พ.ต.อ.นันทชาติ ศุภมงคล รรท.ผบก.น.4 พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4, พ.ต.อ.สุวิชชา จินดาดำ ผกก.สน.บางชัน ร่วมกันแถลงจับกุมนายทศพร พิทักษ์วัฒนานนท์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 339 ถนนสวนสยาม แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี หลังก่อเหตุยิงน.ส. สิริลักษณ์ แซ่ฮ้อ อายุ 46 ปี นายมูเลาะห์ หรือบังดำ บินอุหมัด อายุ 45 ปี และนายพาด แรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา เสียชีวิตรวม 3 ศพ

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุผู้ต้องหาเข้ามอบตัวที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ก่อนประสานพ.ต.อ.สุวิชชารับตัวมาสอบปากคำ โดยสารภาพว่า พักอยู่ใกล้กับผู้เสียชีวิตทั้งสามคน ทะเลาะโต้เถียงกับน.ส.สิริลักษณ์เจ้าของร้านโชคชัยพาณิชย์และลูกจ้าง เพราะเข้าใจว่าลูกน้องของน.ส.สิริลักษณ์ เปิดประตูชนรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ของผู้ต้องหาที่จอดบริเวณหน้าบ้านจนเสียหาย ก่อนใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 ม.ม. ยิงน.ส.สิริลักษณ์และนายพาด แล้วเดินเข้าไปภายในร้านตัดผมชื่อริดบาร์เบอร์ซึ่งอยู่ติดกับร้านโชคชัย พาณิชย์ยิง นายมูเราะห์ และกลับไปจ่อยิงน.ส.สิริลักษณ์อีก 1 นัด เป็นเหตุทำให้สามคนเสียชีวิต จากนั้นพาภรรยาขับรถหลบหนีไป ก่อนติดต่อขอเข้ามอบตัวในที่สุด

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวอีกว่า ส่วนตัวภรรยาซึ่งหลบหนีไปพร้อมกันนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาอะไร อยู่ระหว่างสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในความผิดด้วยหรือไม่ และอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะให้ผู้ต้องหาประกันตัวด้วยหรือไม่ เนื่องจากเข้ามามอบตัวเอง และดูจากลักษณะแล้วไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร โดยประวัติผู้ต้องหาเรียนจบคณะเภสัชศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง มาได้ 10 ปี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นอุทาหรณ์หากทุกคนมีการยับยั้งชั่งใจเหตุร้ายคง ไม่เกิด

ด้านนายทศพรกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกผิด เนื่องจากเกิดอารมณ์ชั่ววูบ เรื่องที่เกิดขึ้นเนื่องจากบันดาลโทสะ เพราะเคยมีเรื่องทะเลาะที่จอดรถสะสมมานาน 2 ปี ครั้งนี้ทะเลาะเรื่องที่จอดรถอีกจึงพาแฟนออกไปตกลงกับน.ส.สิริลักษณ์ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับใช้ถ้อยคำรุนแรงจึงจะเดินกลับมา แต่ผู้ตายใช้ขวดเครื่องดื่มชูกำลังขว้างใส่ภรรยา ทำให้รู้สึกโกรธจึงชักปืนพกที่ติดตัวมายิงที่ขาน.ส.สิริลักษณ์ โดยไม่ได้ตั้งใจให้เสียชีวิต

นายทศพรกล่าวอีกว่า หลังจากกระสุนปืนนัดแรกลั่นออกไปแล้ว ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการยิงทุกคนให้ถึงตาย จากนั้นพาภรรยาขับรถหลบหนี โดยนำปืนที่ก่อเหตุไปโยนทิ้งระหว่างทาง ก่อนขับรถไปถึงย่านดอนเมืองจึงสำนึกผิดเข้ามอบตัวที่ สภ.ปากเกร็ด หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำ ต้องขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ทุกคน

ต่อ มาเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาสวมเสื้อเกราะไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดเกิด เหตุ โดยมีญาติและไทยมุงกว่า 20 คนมายืนดู จนต้องใช้กำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 30 นาย คอยป้องกันเหตุรุนแรง จุดแรกชี้จุดจอดรถหน้าร้านที่เป็นชนวนเหตุว่าเฉี่ยวท้ายรถเป็นรอย และชี้จุดยิงโดยแสดงท่ายิงหน้าร้านของ น.ส.สิริลักษณ์ และยิงในร้านตัดผม เจ้าหน้าที่ต้องทำแผนฯ อย่างเร่งด่วน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที เนื่องจากญาติผู้เสียชีวิตตะโกนโห่ร้องแสดงความไม่พอใจ และขณะนำผู้ต้องหากลับขึ้นรถมีหลายคนพยายามฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่เข้ารุม ประชาทัณฑ์จนเกิดความวุ่นวายเล็กน้อย

ด้านนางลอง สีเปา อายุ 48 ปี แม่ของนายพาดกล่าวว่า ดีใจที่เจ้าหน้าที่ทำงานเร็วขนาดนี้ จะได้เคาะโลงศพบอกถึงลูกชาย ในช่วงเกิดเหตุลูกชายร้องขอชีวิต แต่ก็ไม่เป็นผลต้องถูกยิงจนเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนตัวแล้วไม่ทราบว่าผู้ต้องหากับน.ส.สิริลักษณ์มีปัญหาอะไรกัน แต่เรื่องลุกลามจนลูกชายต้องมาเสียชีวิตไปด้วย จึงเสียใจเป็นอย่างมาก

ที่มา ข่าวสด