Friday, December 25, 2015

'จอย ลิ้นจี่หน้าหอ' ร้อง น้องสาว-หลาน 2 คนถูกอุ้ม สงสัยมาเฟียท้องถิ่น


"จอย-ชนัล" เจ้าของเพลง "ลิ้นจี่หน้าหอ" ร้องศูนย์ดำรงธรรมขอนแก่น ซื้อที่ 3 ล้าน เข้าทำประโยชน์ไม่ได้ ซ้ำ ลูกพี่ลูกน้องถูกอุ้มพร้อมหลาน 2 คน สงสัยนักการเมืองท้องถิ่นมีเอี่ยว ขณะ จนท.ที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการหาความจริง


เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 ธ.ค. 58 ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น นางชนัล ธนบุญ หรือ จอย ชนัล ปฐมวงศ์ นักร้องลูกทุ่ง เจ้าของเพลง "ลิ้นจี่หน้าหอ" เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรม 3 กรณี คือ ซื้อที่ดินราคา 3 ล้านบาท ในชุมชนคุ้มหนองคู แต่ไม่สามารถเข้าไปใช้ที่ดินได้ อ้างว่าถูกกีดกันจากนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งเป็นลูกเขยผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ร้องขอให้เจ้าหน้าที่พาไปยังที่ดินดังกล่าว เรื่องที่ 2 กรณีน้องสาวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องและเป็นคนขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้ถูกอุ้มพร้อมลูกสาว 2 คน และเรื่องที่ 3 ขอความเป็นธรรมกรณีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่มีการสืบสวนติดตามสืบสวนกรณีน้องสาวและหลานสาวถูกอุ้ม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องไว้ตามขั้นตอน โดยมี พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี ผู้บังคับชุดประสานงานประจำพื้นที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดขอนแก่น เข้าร่วมรับฟัง


ต่อมาเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม พร้อม พ.ท.พิทักษ์พล พา นางชนัล ลงไปดูที่ดินดังกล่าว ซึ่งอยู่ริมถนนสามัคคีทิศ ชุมชนคุ้มหนองคู ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น พบว่า ด้านหน้ามีบ้านอยู่หลายหลัง สอบถามผู้อยู่อาศัยทราบว่า เช่าบ้านจาก นางตุ ซึ่งเป็นญาติกับ นางชนัล เมื่อถามหา นางตุ ทราบว่าไม่อยู่บ้าน จากนั้นคณะเดินทางไปที่ ร.ร.เทศบาลคุ้มหนองคู เป็น ร.ร. ที่หลานสาว 2 คน เรียนอยู่ สอบถามครูทราบว่า เด็กทั้ง 2 คน ไม่มาเรียนตั้งแต่ พ.ค. โดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่มีการบอกกล่าว แต่ทาง ร.ร. ยังคงสภาพการเป็นนักเรียนไว้ ขณะที่ช่วงก่อนลอยกระทง พบทั้ง 3 คน เดินเที่ยวที่ตลาดเปิดท้ายใน ม.ขอนแก่น จากการพูดคุยทราบว่าอยู่ดีมีความสุข แต่ยังไม่พร้อมให้ลูกไปโรงเรียน

นางชนัล เผยว่า ปกติอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องในเครือญาติ เกิดจากที่ดินราคา 3 ล้านบาท ที่ซื้อจากน้องสาว คือ น.ส.นันทนา ปรัชญาวิจิตร เนื่องจากว่าน้าสาว ซึ่งเป็นมารดาของ นางชนัล เสียชีวิตไป 9 ปีกว่า น้องสาวจึงทำเรื่องขอเป็นผู้จัดการมรดกของมารดา ซึ่งเป็นที่ดินพร้อมบ้าน แต่การจะยื่นเป็นผู้จัดการมรดกในที่ดิน ต้องมีโฉนด ซึ่งน้องสาวหาไม่เจอจึงไปแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อต้นเดือน พ.ค. จากนั้นไปยื่นเรื่องตามขั้นตอนจนได้เป็นผู้จัดการมรดก เมื่อที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของน้องสาวแล้วจึงขายให้ในราคา 3 ล้านบาท มีการซื้อขายและโอนกันอย่างถูกต้อง ที่สำนักงานที่ดิน และเมื่อได้เงินครบ น้องสาวไม่อยู่ที่บ้านเดิม แต่ออกไปเช่าบ้านอยู่กับลูกสาววัย 6 ขวบ และ 8 ขวบ

หลังขายที่ดินไม่นาน น้องสาวโทรศัพท์มาบอกว่า นักการเมืองท้องถิ่นไม่พอใจ อีกทั้งยังให้ญาติพี่น้อง 4 คน ไปแจ้งความจับ กล่าวหาว่า แจ้งความเท็จเรื่องโฉนดที่ดินหาย และแอบขายที่ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้ง ส่วน นางชนัล ก็ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย เมื่อทราบเรื่องจึงเดินทางจากกรุงเทพฯ มาหาน้องสาวที่บ้านเช่าแต่ไม่พบ โดยหน้าบ้านล็อกกุญแจ จึงไปสอบถามที่บ้านบิดาของน้องสาว ซึ่งได้ออกตามหาจนพบอยู่กับนักการเมืองท้องถิ่นที่บ้านญาติซึ่งอยู่ติดกับที่ดินผืนดังกล่าว พยายามติดต่อทางโทรศัพท์แต่ไม่รับสาย บางครั้งก็ตัดสาย ปัจจุบันติดต่อไม่ได้แล้ว บิดาของน้องสาวจึงไปแจ้งความคนหายที่ สภ.เมืองขอนแก่น ตั้งแต่เดือน พ.ค. แต่ไม่มีความคืบหน้า เพราะคิดว่านักการเมืองท้องถิ่นรายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องสาวและหลานแน่นอน เนื่องจากที่ดินมีมูลค่าหลายล้านบาท สามารถสร้างมูลค่าได้หลายสิบล้านบาท

นายชินกร แก่นคง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น เปิดเผยภายหลังรับเรื่องร้องเรียนและลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดิน ว่า จะทำบันทึกรายละเอียดทั้งหมดเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นในฐานะ ผอ.ศูนย์ฯ ซึ่งเบื้องต้นผู้ร้องแสดงเอกสารหลักฐานการครอบครองที่ดิน พบว่าเป็นเจ้าของจริง เมื่อตรวจสอบที่ดินพบว่ามีบ้าน 4 หลัง แต่มีคนเช่าอยู่ คนที่เก็บค่าเช่าก็เป็นบุคคลอื่น ซึ่งผู้ร้องยืนยันว่า ให้ผู้อาศัยออกจากบ้านและที่ดินภายใน 15 วัน ซึ่งทางศูนย์ดำรงธรรม จะได้ให้เจ้าหน้าที่ประสานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับที่ดินผืนนี้มาเพื่อแจ้งให้ทราบว่า เจ้าของตัวจริงต้องการที่ดินคืน ส่วนกรณีที่ผู้ร้องสงสัยว่าน้องสาวและหลานถูกนักการเมืองอุ้มไปนั้น จะประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้สืบสวนอย่างเร่งด่วนต่อไป

ด้าน พ.ท.พิทักษ์พล กล่าวว่า เนื่องจากผู้ร้อง ร้องเรียนเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลอุ้มญาติไปหลายเดือนแล้วไม่มีความคืบหน้า ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงก็ถือว่าเป็นบุคคลอันตราย จึงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ครบทุกด้าน และจากการโทรศัพท์พูดคุยกับนักการเมืองรายดังกล่าว ทราบว่าพบสามแม่ลูกจริง แต่นานแล้ว ส่วนการหายตัวไปนั้นไม่ทราบเรื่อง และพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง

ขณะที่ พ.ต.อ.นพดล เพ็ชรสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เผยว่า กรณีของนักร้องรายดังกล่าวนั้น มีการแจ้งความคนหายจริง แต่หลังแจ้งไม่นานก็มาแจ้งว่าเจอตัวแล้ว จากนั้นก็มีญาติพี่น้องมาแจ้งความจับ น.ส.นันทนา เรื่องการแจ้งความเท็จ กรณีโฉนดที่ดินและการขายที่ดิน ส่วนการที่สงสัยว่าสามแม่ลูกถูกอุ้มนั้นยังไม่ชัดเจน เพราะยังมีคนพบเห็นสามแม่ลูกอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นการหลบหนีการจับกุมในคดีแจ้งความเท็จ จึงอยากให้ น.ส.นันทนา ออกมาแสดงตัวและพูดความจริง เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพร้อมให้ความเป็นธรรม.

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์


0 comments:

Post a Comment

กด Like เพื่อร่วมติดตามข่าวใหม่ๆก่อนใคร

Advertisement

ข่าวที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Flag Counter

Powered by Blogger.

กด Like = 1 กำลังใจ
กดพื้นที่ว่างหรือกากบาทด้านล่างเพื่ออ่านข่าว

Powered By | Blog Gadgets