พ่อแม่หน้ามืด!! ค่ายมือถือเรียกเก็บค่าโหวตรายการดังครึ่งแสน-อ้างลูกสาวรัวกดระงับไม่ทัน

 

 วันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 5 ต.ค. นายอรรถชัย วุฒพันธ์ และ นางบัณฑิตา ศิริกอง สองสามีภรรยา เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ให้ช่วยตรวจสอบ จากกรณีถูกเรียกเก็บค่าบริการโทรศัพท์จากบริษัทผู้ให้บริการรายหนึ่ง เป็นเงินมากถึง 53,166 บาท สร้างความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก พร้อมนำเอกสารลงบันทึกประจำวัน สภ.จอมบึง และเอกสารเรียกเก็บค่าใช้สัญญาณ มาแสดงเป็นหลักฐาน โดยมี นายอดุลย์ นิมิตนิวัฒน์ ประธานศูนย์ดำรงธรรมตำบลดอนกระเบื้องเป็นผู้รับเรื่อง


 นางบัณฑิตา เล่าว่า ตนและสามี ประกอบอาชีพเป็นพนักงานในโรงงานทอผ้า และมาเช่าห้องเพื่อพักอาศัยอยู่ใกล้กับโรงงาน ส่วนลูกสาว ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 8 ปี ได้ให้พักอาศัยอยู่กับย่าที่อำเภอจอมบึง โดยให้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนไว้ใช้สำหรับติดต่อ และตัดสินใจเลือกใช้สัญญาณโทรศัพท์จากบริษัทรายหนึ่ง ในโปรโมชั่นค่าบริการเหมาจ่ายเดือนละ 299 บาท ควบคุมยอดวงเงินไว้ที่เดือนละไม่เกิน 1,000 บาท พร้อมการติดตั้งจานรับสัญญาณดาวเทียมฟรี

 ตลอดระยะเวลาใช้งาน 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่เคยได้รับเอกสารเรียกเก็บค่าใช้บริการ จนกระทั่งถูกตัดสัญญาณ สามีของตนจึงได้ไปติดต่อชำระเงินที่ศูนย์บริการสาขาบ้านโป่ง เพื่อขอชำระค่าบริการ และเมื่อสอบถามยอดการใช้ในปัจจุบัน พบว่ามียอดการใช้เป็นเงินแล้วเกือบ 50,000 บาท จากการใช้งานในวันที่ 22 สิงหาคม เป็นการโทรออกไปยังเบอร์โหวตของรายการดังประกวดร้องเพลง ทรู อคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซั่น 12 หรือ เอเอฟ 12 ที่ผ่านมา จำนวนถึง 123 โหวด ด้วยรูปแบบกดคะแนนโหวต 100 คะแนน ในราคาคะแนนละ 4 บาท คิดเป็นเงิน 49,200 บาท

 เมื่อสอบถามถึงการควบคุมยอดวงเงินไม่เกิน 1,000 บาทต่อเดือน กลับได้รับคำตอบว่า “มีการกดที่เร็วมาก จนระบบไม่สามารถระงับได้ทัน” และเมื่อขอเอกสารรายละเอียดการใช้งานทั้งหมด กลับได้รับการปฏิเสธ อ้างว่าไม่สามารถให้ได้

 จากการสอบถามลูกสาว ก็ยอมรับว่าได้โทรออกจริง แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ ซึ่งตนและสามียอมรับว่า รู้สึกตกใจและเครียดมาก จึงได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้กับ สภ.จอมบึง ไว้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม แล้วจึงเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม

 ทั้งนี้ ทางศูนย์ดำรงธรรมตำบลดอนกระเบื้อง จะได้ประสานไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดราชบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดต่อสอบถามข้อเท็จจริง แล้วดำเนินการช่วยเหลือต่อไป

ที่มา ข่าวสด