Wednesday, November 25, 2015

สาวอุดรฯ แอบเขียนจม.ส่งถึงบ้าน ร้องให้ช่วยถูกขังในเรือ-แม่ร่ำไห้ห่วงลูก ถูกจับได้อาจตาย!!

 

 เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 26 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้าน หมู่ 3 ต.บ้านยวด อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี หลังได้รับการร้องขอความช่วยเหลือเรื่องลูกสาวหาย คาดว่าจะถูกกักขังในเรือ ไม่รู้ชะตากรรม เมื่อเดินทางไปถึง พบเป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นสูง มีนายเกษม ยางศรี อายุ 54 ปี และนางหนูจร ยางศรี อายุ 54 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของบ้าน และได้มีนายอากาศ ชัยบุตร นายกเทศมนตรีตำบลบ้านยวด และญาติพี่น้องนั่งปรึกษากันอยู่อยู่ใต้ถุนบ้าน


  นายเกษมและนางหนูจร ร่วมกันเปิดเผยว่า ทั้ง 2 มีอาชีพทำนา และรับจ้างดีดบ้าน มีลูก 2 คน คนแรกเป็นชายเดินทางไปทำงานด้านการเกษตรที่ประเทศเกาหลีใต้กับภรรยา ลูกคนที่ 2 ชื่อ น.ส.นิภาภรณ์ ยางศรี อายุ 25 ปี ยังไม่มีครอบครัว อาศัยอยู่กับพ่อแม่ กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในอุดรธานี เมื่อเดือนตุลาคมได้เดินทางไปทำงานโรงงาน ที่ กทม. เพื่อหาเงินมาใช้หนี้กองทุนยืมเรียน เมื่อทำงานได้ 15 วัน ก็เดินทางกลับมาบ้าน พร้อมบอกว่ามีนายหน้ามาชวนไปทำงานที่เกาหลีใต้ แบบลักลอบเข้าเมืองโดยเสียค่าดำเนินการ 35,000 บาท ลูกสาว และ น.ส.บุญค้ำ ชาติโสม อายุ 38 ปี ญาติที่บ้านอยู่ติดกัน ได้ตกลงจะไปทำงานที่เกาหลีด้วยกัน และออกเดินทางเมื่อต้นเดือนพ.ย. แต่ปรากฏว่าไม่ผ่าน ตม. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ


 นางหนูจร กล่าวว่า ลูกสาวและญาติได้กลับไปที่พัก แล้วมีนายหน้าคนใหม่มาชวนไปเกาหลีอีก โดยรับปากว่าจะพาไปให้ได้ แต่ต้องเสียค่าดำเนินการอีก 20,000 บาท ตนได้โอนเงินไปให้ลูก แต่ปรากฏว่าก็ไม่ผ่าน ตม.อีก น.ส.บุญค้ำ กลับไปทำงานโรงงานเหมือนเดิม ตนได้โทรศัพท์ให้ลูกกลับบ้าน และเมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 18 พ.ย. บุตรสาวได้โทรศัพท์มาบอกว่า ตอนนี้อยู่สนามบินดอนเมือง กำลังนั่งเครื่องบินกลับบ้าน ตนและญาติได้ขับรถยนต์ไปรับที่สนามบินนานาชาติอุดรธานี แต่ก็ไม่พบลูกสาวกลับมา โทรศัพท์ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารกับเที่ยวบิน ก็ไม่พบชื่อลูกสาว ตนได้พยายามโทรติดต่อ จนกระทั่งเวลา 21.00 น. โทรศัพท์ลูกสาวเปิดเครื่อง แต่ไม่มีคนรับสาย คิดว่าลูกคงไปพักบ้านเพื่อน จึงได้พากันเดินทางกลับบ้าน

 นางหนูจร กล่าวต่อว่า ต่อมาเช้าวันที่ 19 พ.ย. ตนโทรศัพท์หาลูกสาว แต่คราวนี้ติดต่อไม่ได้ เมื่อโทรศัพท์สอบถาม น.ส.บุญค้ำ ญาติที่จะเดินทางไปเกาหลีใต้ด้วยกัน ก็บอกว่าหลังจากเดินทางไปทำงานที่เกาหลีไม่ได้ ก็กลับมาที่พัก เย็นวันที่ 16 พ.ย.นั้น น.ส.นิภาภรณ์ บุตรสาวตนนั้นบอกว่าจะมีเพื่อนขับรถยนต์มารับ จากนั้นก็แยกกันไม่เจอกันอีกเลย ก็นึกว่าเดินทางกลับบ้านแล้ว จากนั้นตนจึงได้รอเวลาจนครบ 48 ชั่วโมง จนถึงบ่ายวันที่ 20 พ.ย. จึงไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.สร้างคอม จ.อุดรธานี

 นางหนูจร กล่าวต่อว่า ต่อมาเย็นวันที่ 24 พ.ย. ญาติได้นำกล่องพัสดุไปรษณีย์ส่งมาถึงตน แต่ลงบ้านเลขที่ของญาติ โดยระบุชื่อผู้ส่งว่าคุณแม็ก ไม่มีนามสกุล 451 ต.สระคุ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด รหัสไปรษณีย์ 45130 ซึ่งตนไม่รู้จักผู้ชายคนดังกล่าว เมื่อเปิดกล่องก็พบถุงพลาสติกภายในมีสบู่มะละกอ 12 ก้อน จำได้ว่าเป็นสบู่ที่ลูกซื้อไปจากบ้าน เพื่อจะนำไปใช้ที่เกาหลี เมื่อตรวจดูก็พบกระดาษแผ่นเล็กพับอยู่ใต้ก้อนสบู่ จึงหยิบมาดู ปรากฏว่าเป็นจดหมาย เขียนด้วยลายมือลูกสาวข้อความว่า

 “แม่ นิเขียนจดหมายหาแม่ ไม่รู้จะถึงหรือเปล่า แม่หาทางช่วยนิหน่อย ตอนนี้นิน่าจะอยู่บนเรืออะไรสักอย่าง นิไม่รู้ว่าพวกไหนจับนิมา นิยังไม่ได้ทำอะไรเลย นิจะแอบไปกับของที่จะมีคนส่งของ โทรศัพท์เขาก็ไม่ให้นิ เขาเอาของนิไปหมดเลย นิไม่รู้ว่าจดหมายแม่จะได้รับไม๊ แต่ตอนนี้เขายังบ่ได้ให้นิทำอะไร อยู่ในห้องมืด แม่ช่วยนิดด้วย เขาพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ภาษาจีนประมาณนั้น มีคนไทยมา นิมา แล้วก็มีคนไทยอยู่บนนี้ด้วย ถ้าจดหมายถึงแม่ก็ดีไป ถ้าเขาจับได้ก็อาจจะตายไป นิคิดถึงพ่อกับแม่นะ นิไม่รู้ว่าเขาจะเอานิไปทำอะไร ถ้าใครได้รับจดหมายนี้ให้ติดต่อ 088-30994..”

 นอกจากนี้อีกด้านหนึ่งของแผ่นกระดาษ เขียนว่า “แม่ ถ้าหากเขาเอานิไปขาย นิก็จะตัดสินใจไป ดีกว่าอยู่แบบนี้ นิก็ยังจะได้ติดต่อแม่กับพ่อ นิจะต้องเอาตัวรอดให้ได้ แม่ต้องรอนินะ แม่ห้ามเป็นอะไรนะ นิจะหาทางกลับบ้านให้ได้ แม่ทำใจดีๆ ดูแลเจ้าของ นิจะหาทางกลับบ้านให้ได้ เดี๋ยวนิจะฝากเค้าไป ขอร้องเขา แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะช่วยได้แค่ไหน พ่อกับแม่ต้องรอนิ แค่นี้ก่อนนะแม่ เค้าจะไปแล้ว”

 นางหนูจร กล่าวว่าทั้งน้ำตาว่า หลังได้อ่านจดหมายที่ลูกเขียนมาถึง ก็รู้สึกเป็นห่วงลูกมาก เชื่อว่าลูกสาวถูกหลอกไปทำงาน และจับตัวไว้แน่นอน เช้าวันนี้จึงชักชวน นายอากาศไปแจ้งความเพิ่มเติมว่าถูกสาวถูกลักพาตัวและกักขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมกับร้องผ่านสื่อให้ช่วยติดตามหาลูกสาวให้ด้วย และขอวิงวอนผู้ที่ลักพาตัวลูกสาวและกักขังตัวไว้ ให้ปล่อยลูกสาวกลับมาหาตน เพราะตนและสามีคิดถึงและห่วงลูกมาก จนไม่เป็นอันกินอันนอน คิดถึงลูกคราวใดก็ได้แต่นั่งร้องไห้ ไม่รู้ว่าลูกจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

 นายอากาศ ชัยบุตร นายกเทศมนตรีตำบลบ้านยวด เปิดเผยว่า หลังจากนางหนูจร และนายเกษม มาขอความช่วยเหลือเรื่องลูกสาวหาย ก็ได้ดูที่กล่องพัสดุไปรษณีย์ ก็พบว่าส่งมาจากไปรษณีย์มาบตะพุด จ.ชลบุรี เมื่อให้ญาติตรวจดูภาพกล้องวงจรปิดผู้ที่นำกล่องพัสดุมาส่ง พบว่าเป็นหญิง ผมสั้น สวมเสื้อเหลือง เมื่อตรวจสอบไปตามที่อยู่ผู้ส่ง พบว่าเป็นที่อยู่ของร้านจำหน่ายกระเบื้องมีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งตนได้พยายามติดต่อคนรู้จักใน อ.สุวรรณภูมิ ไปสอบถามคนที่ชื่อ “แม็ก” แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ดังกล่าว

ที่มา ข่าวสด


0 comments:

Post a Comment

กด Like เพื่อร่วมติดตามข่าวใหม่ๆก่อนใคร

Advertisement

ข่าวที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Flag Counter

Powered by Blogger.

กด Like = 1 กำลังใจ
กดพื้นที่ว่างหรือกากบาทด้านล่างเพื่ออ่านข่าว

Powered By | Blog Gadgets