Monday, November 9, 2015

"หมอหยอง"ตายแล้ว!! "บิ๊กต๊อก"แถลงเหตุป่วยหนัก เปิดใบมรณบัตร


 เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 9 พ.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงข่าวกรณีกระแสข่าวการเสียชีวิตของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง หนึ่งในผู้ต้องหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า เมื่อช่วงคืนวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้รับรายงานจากนายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่าได้มีการนำตัวนายสุริยันออกจากเรือนชั่วคราว แขวงนครไชยศรี ภายในมณฑลทหาร 11 (มทบ.11) เนื่องจากมีอาการป่วยหนัก จึงเร่งนำส่งแพทย์เพื่อรักษาอาการป่วยดังกล่าวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก่อนจะเสียชีวิตในช่วงกลางดึกวันเดียวกัน


 พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หลังจากนายสุริยันเสียชีวิตนั้น ทางพนักงานสอบสวน ได้ร่วมกับพนักงานอัยการ ฝ่ายปกครอง และแพทย์ เพื่อชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการตาย ซึ่งจากการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว ตนได้รับรายงานจากแพทย์พบว่านายสุริยันเสียชีวิตด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ก่อนจะมีการออกใบมรณบัตรตามขั้นตอนหลังพิสูจน์แล้ว ส่วนกรณีหากญาติของนายสุริยัน ติดใจหรือข้องใจถึงสาเหตุการตาย ก็สามารถร้องขอตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อตรวจสอบได้ นอกจากนี้ ในส่วนของศพนายสุริยันนั้น ทางญาติจะรับศพไปเมื่อใดนั้น ตนไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งต้องไปถามอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้กรมราชทัณฑ์ ทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดต่อสื่อมวลชนและสังคมแล้ว


 “ส่วนเรื่องการดูแลผู้ต้องขังนั้น ตนได้สอบถามไปยังผู้เกี่ยวข้องว่าดูแลกันอย่างไรจึงตาย จริงๆแล้วหมอหยองมีอาการป่วยตลอด ขณะขึ้นศาลทหารครั้งที่แล้วยังมีอาการป่วย ซึ่งปกติก่อนจะเข้าเรือนจำจะมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เหมือนกับกรณีผู้ต้องขังอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ซึ่งเหมือนกับกรณีนายสุริยันที่มีอาการป่วยเช่นกัน เพราะหลังจากนำตัวเข้าเรือนจำที่ มทบ.11 ก็ต้องเกิดความเครียด และกดดันเป็นธรรมดา ซึ่งทางราชทัณฑ์ก็ส่งแพทย์เข้าไปดูแลอาการตลอด ส่วนเรื่องการเฝ้าเวรยามผู้ต้องขังซึ่งก็มีกฎระเบียบอยู่แล้ว โดยทุกชั่วโมง และครึ่งชั่วโมง จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ โดยในวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เห็นนายสุริยัน มีอาการป่วย จึงนำตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

 วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมราชทัณฑ์ได้ออกแถลงการณ์ ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558 กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจําชั่วคราวแขวงถนน นครไชยศรี สังกัดเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ข.ช.สุริยัน สุจริตพลวงค์ ผู้ต้องขังคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างฝากขังผลัดที่ 2 เวรรักษาการณ์ ไปตรวจพบ ขณะนอนอยู่ในห้องขัง เรียกชื่อไม่ขานตอบ มองจากภายนอกห้องขัง เห็นว่า มีอาการหายใจเฮือก จึงได้รีบแจ้งให้หน่วยเสนารักษ์ประจํา มทบ.11 มาตรวจสอบพบว่า ชีพจรอ่อน ไม่รู้สึกตัว จึงได้รีบนําตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร

 เมื่อไปถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เวลา 22.20 น. ห้องฉุกเฉินแรกรับพบว่า ผู้ต้องขังดังกล่าว ไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองใดๆ วัดสัญญาณชีพจรไม่ได้ ม่านตาขยาย 4 มม. ไม่ตอบสนองต่อแสงทั้งสองข้าง โรงพยาบาลฯ ได้ดําเนินการช่วยฟื้นคืนชีพเป็นเวลาชั่วโมงเศษ แต่ไม่ประสบความสําเร็จ แพทย์เวร ลงความเห็นว่าเสียชีวิต

 การเสียชีวิตครั้งนี้เป็นการเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว เจ้าพนักงานมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คือต้องแจ้งให้หนักงานสอบสวน แพทย์ พนักงานอัยการ และพนักงาน ฝ่ายปกครอง รวม 4 ฝ่าย มาชันสูตรพลิกศพ ซึ่งในกรณีนี้ได้แจ้งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ซึ่งเป็นท้องที่ ที่พบศพ เข้ามาดําเนินการ

 ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งชันสูตรโดยสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตํารวจ ได้ทําการตรวจพิสูจน์ศพเรียบร้อย เอกสารลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558 ปรากฏสาเหตุการเสียชีวิต "สันนิษฐานว่า ระบบ หายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากติดเชื้อในกระแสโลหิต" เรือนจําได้แจ้งญาติผู้เสียชีวิตให้มาขอรับศพ เพื่อไปดําเนินการตามประเพณีต่อไป

 สําหรับการดําเนินการภายหลังการเสียชีวิต เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ตั้งกรรมการสอบสวน ข้อเท็จจริง เพื่อรายงานผลมาให้กรมราชทัณฑ์พิจารณา ส่วนการดําเนินการตามกฎหมาย กรณีเสียชีวิต ในสถานที่คุมขังนั้น พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น จะเป็นผู้ดําเนินการในเรื่องการไต่สวนการเสียชีวิตต่อไป

 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2558 ต่อเนื่องถึงวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2558 ผู้ต้องขังมีอาการ ไข้สูง กระสับกระส่าย ไอ พยาบาลเสนารักษ์ประจําเรือนจําได้จ่ายยาลดไข้ ยาลดอาการไอ แล้วให้นอนพัก

 แถลงการณ์ ระบุอีกว่า ต่อมาในวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558 เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่เวรไปตรวจ พบว่า ผู้ต้องขังมีอาการเรียกไม่รู้สึกตัว หายใจเฮือกยาว เสนารักษ์จึงแจ้งให้นําส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทันที

 เมื่อไปถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แพทย์เวรได้พยายามช่วยชีวิตตามหลักเกณฑ์และ จรรยาบรรณทางวิชาชีพ ทํากระบวนการฟื้นคืนชีพ (Advanced CPR: Cardio Pulmonary Resuscitation) ใช้เวลาดําเนินกระบวนการ ตั้งแต่แรกพบตัว โดยใส่ท่อช่วยหายใจ ปั้มหัวใจ ให้ยากระตุ้นหัวใจและความดัน โลหิต ฯลฯ โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ แต่ไม่ประสบความสําเร็จ จึงได้แจ้งพนักงานสอบสวนท้องที่ มาดําเนินการตามกฎหมายต่อไป

 มีความเป็นได้หรือไม่ว่า มีเชื้อใด ที่ทําให้ผู้ป่วยเสียชีวิตทันทีได้อย่างรวดเร็ว เท่าที่สอบถามกับแพทย์ พบว่า มีเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุทําให้ระบบหายใจล้มเหลวแล้วเสียชีวิตอย่าง รวดเร็วได้ เช่น เชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเดินหายใจ สายพันธุ์รุนแรง ผู้รับเชื้อจะเกิดอาการอย่างเฉียบพลัน ยากแก่ การประเมินหรือรักษาไม่ทันการณ์ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยที่ ได้รับสารสเตียรอยด์เพื่อกดภูมิต้านทาน หรือผู้เป็นโรคที่ยังไม่ได้ระบุการตรวจวินิจฉัย โดยเฉพาะผู้ที่มี ภูมิต้านทานอ่อนแอจากการเป็นโรคประจําตัวบางอย่าง หรือภาวะภูมิต้านทานบกพร่องจากโรคเฉพาะตัวที่ยัง ไม่ได้รับการค้นพบ หากได้รับเชื้อไวรัสดังกล่าว จะมีอาการรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว เช่น ไวรัส ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่รุนแรง

 ซึ่งในกรณี ข.ช.สุริยัน มีความเป็นไปได้ที่ผู้ต้องขังอาจมีภูมิต้านทานอ่อนแอ โดยตรวจพบจากการ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2558 ว่า มีภาวะไขมันสะสมในตับสูง ประกอบกับผลการตรวจ เลือดในขณะการช่วยฟื้นคืนชีพ เมื่อคืนวันที่ 7 พฤศจิกายน 2558 พบมีเอนไซม์การทํางานของตับสูง ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดพบว่า มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ มีเพียง 60,000 คิวบิกมิลลิเมตร (ค่าปกติ ตั้งแต่ 140,000-400,000/คิวบิกมิลลิเมตร) สันนิษฐานว่า เมื่อได้รับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการ ติดเชื้อในกระแสเลือดเข้าไป จึงอาจทําให้ระบบหายใจล้มเหลวและนําไปสู่การเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว

ที่มา ข่าวสด


0 comments:

Post a Comment

กด Like เพื่อร่วมติดตามข่าวใหม่ๆก่อนใคร

Advertisement

ข่าวที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Flag Counter

Powered by Blogger.

กด Like = 1 กำลังใจ
กดพื้นที่ว่างหรือกากบาทด้านล่างเพื่ออ่านข่าว

Powered By | Blog Gadgets