Tuesday, November 17, 2015

เศรษฐินีหาดใหญ่วัย 72 ปีมอบตัวสู้คดีจ้างฆ่า"ว่าที่ลูกสะใภ้" แล้วกุเรื่องว่าตัวเองตายไปแล้ว

 

 วันที่ 17 พ.ย.ที่กองปราบปราม พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป.  แถลงการเข้ามอบตัวของนางจุรี จันทร์งาม อายุ 72 ปี  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ สช.75/2558 ลงวันที่ 24 มี.ค. 2558 ข้อหาจ้างวานฆ่าผู้อื่น และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน หลังถูกศาลฎีกา ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตก่อนใช้อุบายเพื่อหลบหนีคดี  และติดต่อขอเข้ามอบตัวดังกล่าว
       พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2550 มีคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกยิง น.ส.ริ้วแพร โชติการ อายุ 26 ปี เภสัชกรโรงพยาบาลควนเนียง ซึ่งขณะนั้นผู้ตายกำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนจนเสียชีวิต เหตุเกิดภายในคลินิกเวชกรรมในพื้นที่ อ.ควนเนียง จ.สงขลา  นอกจากนี้ยังทำให้ นายอดิศร์ ประทีปทัศน์ พนักงานจัดยาเสียชีวิตไปด้วยอีก 1 ราย  ต่อมาตำรวจภูธร จ.สงขลา สามารถตามจับกุมมือปืนที่ลงมือก่อเหตุไว้ได้ คือ นายนรินทร์ จันทร์ฉาย อายุ 36 ปี และนายจำนง คงสุวรรณ อายุ 40 ปี ทั้งสองให้การซัดทอดว่านางจุรีจ้างวานเป็นเงิน 500,000 บาทให้ลงมือสังหารน.ส.ริ้วแพร


    พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุนั้นเนื่องจากนางจุรีไม่ต้องการให้ผู้ตายมาแต่งงานกับบุตรชาย คือ นายวิกรม จันทร์งาม อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวของตระกูล  ที่กำลังเตรียมจัดงานแต่งงานกับผู้ตายในวันที่ 29 ธ.ค. 2550 แต่นางจุรี ไม่พอใจและไม่ยินยอม เนื่องจากเห็นว่าฐานะทางบ้านของฝ่ายหญิงไม่คู่ควรกับบุตรชายที่มีฐานะดีกว่า มีฐานะระดับเป็นเศรษฐีของเมืองหาดใหญ่ มีหน้ามีตาในพื้นที่  ถึงกับเอ่ยปากว่าหากไม่ล้มเลิกงานแต่งงาน ก็คงได้จัดงานศพแทน จนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

      พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวอีกว่า หลังจากจับกุมมือปืน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขออำนาจศาลออกหมายจับนางจุรี และจับตัวได้  พร้อมสรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด  โดยในชั้นอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายจำนง ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือทั้งสอง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิต  จนถึงชั้นศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น  นางจุรี ได้วางหลักทรัพย์มูลค่า 5 ล้านบาท  เพื่อขอประกันตัว และคดีอยู่ในชั้นฎีกา กระทั่งเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2557 น.ส.รัศมี จันทร์งาม บุตรสาวของนางจุรี ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสงขลา เพื่อขอจำหน่ายคดี และขอคืนหลักทรัพย์ที่ใช้ประกันตัวมารดา โดยอ้างว่า นางจุรี  ได้ถึงแก่ความตายไป เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร อ้างด้วยว่าหลังจากไปร่วมชุมนุมกับ กปปส.ที่ กทม.ขากลับก็เลยแวะที่จ.ชุมพร ก่อนที่จะป่วยจนเสียชีวิตดังกล่าว   ส่วนศพก็ได้มีการฌาปนกิจศพไปแล้วที่วัดมณีสพ ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร พร้อมทั้งนำหลักฐานใบมรณะบัตร ที่ออกให้โดยฝ่ายปกครอง อ.ท่าแซะ มาแสดง

      พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวอีกด้วยว่า ต่อมา นางฤดีมาศ สิงห์มณี อายุ 55 ปี มารดาของ น.ส.ริ้วแพร ผู้ตาย ได้เข้าร้องเรียนที่กองปราบฯ เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเนื่องจากเชื่อว่า นางจุรี ยังไม่เสียชีวิต กระทั่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตนจึงสั่งการให้พ.ต.อ.สมพงษ์ เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 427 หมู่ 2 ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา แต่ก็ไม่พบตัวนางจุรี  พบเพียงภาพถ่ายเท่านั้น อย่างไรก็ตามจากการการสืบสวนก็น่าเชื่อว่านางจุรีน่าจะยังไม่เสียชีวิต

         ต่อมาอัยการจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้คัดค้าน ก็ได้ยื่นศาลเพื่อให้สืบพยาน 6 ปาก คือ เจ้าหน้าที่รับแจ้งการตาย ปลัดอำเภอ สัปเหร่อวัดมณีสพ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว รวมทั้ง ร.ต.ท.สิทธิพร ขันธ์พระแสง พนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองชุมพร  จนทราบข้อเท็จจริงว่าไม่เคยมีการจัดงานศพนางจุรี และก็ไม่มีพยานรายใดพบเห็นศพนางจุรี  สาเหตุที่มีการออกใบมรณะบัตร นั้น ทางฝ่ายปกครอง อ้างเหตุผลว่ามีใบรับรองการตายจากผู้ใหญ่บ้าน จึงต้องทำไปตามระเบียบของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

       หลังจากนั้นศาลฎีกาจังหวัดสงขลา ได้มีคำสั่งไต่สวนการตายของนางจุรี จนทราบเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นางจุรี ยังไม่ได้ถึงแก่ความตายตามที่กล่าวอ้าง โดยเชื่อว่านางจุรี มีพฤติกรรมจงใจหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา และอ่านคำพิพากษาลับหลัง ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง แต่นายวิกรม บุตรชายของจำเลย ให้การเป็นประโยชน์จึงเป็นเหตุบรรเทาโทษให้แก่จำเลย โดยคงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนนายนรินทร์ จำเลยอีกราย ศาลพิพากษาให้ประหารชีวิต

        พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวต่อด้วยว่า  ต่อมาก็ได้มีการสืบสวนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีพยานยืนยันว่า พบเห็นนางจุรี กับบุตรสาวแวะเวียนเข้ามาในบ้านญาติ แต่ก็มีความระมัดระวังตัวอย่างมาก ตลอดเวลาจะขับรถเปลี่ยนเส้นทางเพื่อหลบเลี่ยงการถูกติดตาม จนมาเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนสั่งการให้พ.ต.อ.สมพงษ์ พร้อมกำลัง  นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 83/132-140 และบ้านพักต่างๆ รวม 10 หลัง ในต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ของนายสมศักดิ์ วาณิชสุวรรณ หรือ “โกหมิ่น หาดใหญ่” เจ้าของห้างทองและเซียนพระชื่อดังของเมืองหาดใหญ่  ซึ่งเป็นน้องเขยของนางจุรี เพื่อติดตามหาตัว แต่ไม่พบตัว   พบเพียงน.ส.รัศมี บุตรสาวของนางจุรี ที่ยังให้การยืนยันว่า มารดาของตนเสียชีวิตไปนานแล้ว  แต่หลังจากถูกเจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนัก ในที่สุดทางญาติของนางจุรี ได้ประสานมาว่ารู้สึกสำนึกผิด พร้อมกับขอเข้ามอบตัวดังกล่าว

      ส่วนนางจุรี  นั้นยังคงให้การปฏิเสธ  พร้อมอ้างว่าเป็นฝ่ายถูกใส่ร้ายและไม่เคยจ้างมือปืนให้ไปสังหารว่าที่ลูกสะใภ้ ส่วนกรณีการแจ้งความเท็จเพื่อขอออกใบมรณะบัตร นั้นตนไม่ขอกล่าวถึงเพราะเรื่องมันผ่านมานานแล้ว ภายหลังการสอบสวนจึงส่งตัวผู้ต้องหาให้ศาลจังหวัดสงขลา รับตัวไปดำเนินการต่อไป

    นอกจากนี้ทางกองปราบฯ เตรียมขยายผลการดำเนินคดีว่า ยังมีผู้ใดที่เกี่ยวข้องอีกบ้าง ทั้งกรณีการตายของ น.ส.ริ้วแพร และการแจ้งความเท็จจนมีการออกใบมรณะบัตร โดยมีรายงานว่า พงส. กก.6 บก.ป.เตรียมเชิญตัวนายสมพจน์ นวลพงษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นผู้รับรองการเสียชีวิตของนางจุรี และนายอาคม ตรงอิทธิกุล หรือ “โกคิ้ม” หัวหน้ามูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ ซึ่งเป็นผู้นำหนังสือรับรองการเสียชีวิตของนางจุรีไปยื่นให้ที่วัดฯ  มาสอบสวนด้วย

ที่มา ข่าวสด


0 comments:

Post a Comment

กด Like เพื่อร่วมติดตามข่าวใหม่ๆก่อนใคร

Advertisement

ข่าวที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Flag Counter

Powered by Blogger.

กด Like = 1 กำลังใจ
กดพื้นที่ว่างหรือกากบาทด้านล่างเพื่ออ่านข่าว

Powered By | Blog Gadgets