Friday, November 13, 2015

ปิดตำนาน!! 11 ปี GTH ประกาศยุติการดำเนินงานบริษัท-ขอบคุณที่รักกันมาตลอด

 

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. เว็บไซต์ GTH เปิดเผยข้อความถึงการปิดตำนาน 11 ปี ของ GTHว่า ขอขอบพระคุณทุกๆ ท่านทั้ง แฟนๆ บริษัทคู่ค้า ตลอดจนนักแสดงและศิลปินต่างๆที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและช่วยขับเคลื่อนเราตลอดมา จุดเริ่มต้นของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) มาจากการรวมตัวของ 3 บริษัท คือ บริษัท แกรมมี่ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) , บริษัท ไท เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด และบริษัท หับ โห้ หิ้น บางกอก จำกัด ตลอดระยะ 11 ปีที่ผ่านมาได้ร่วมกันบริหารและสร้างผลงานในนามบริษัท GTH ที่ทุกคนรู้จักมากมาย อาทิ ภาพยนตร์ พี่มากพระโขนง , ไอฟาย..แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ , รถไฟฟ้ามาหานะเธอ , ละครซีรีส์ ฮอร์โมน ฯลฯ


 จนเมื่อสักระยะเวลาที่ผ่านมาแนวทางการบริหารงานจากผู้ก่อตั้งจาก 3 บริษัทมีเป้าหมายและความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ไท เอนเตอร์เทนเม้นท์ ต้องการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อเพิ่มเงินทุนในการพัฒนาโปรเจคให้ใหญ่และหลากหลายมากขึ้น ทาง หับ โห้ หิ้น บางกอก เห็นว่าบริษัทยังไม่มีความพร้อมที่จะเข้าตลาดฯ ในช่วง 1-3 ปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันยังคงเน้นการผลิตผลงานที่สร้างสรรค์ มีคุณภาพ และใส่ใจทุกขั้นตอนในการทำงาน การเข้าตลาดฯ ตอนนี้ อาจทำให้เกิดภาวะกดดันที่ลดทอนความคิดสร้างสรรค์และคุณภาพของผลงาน


 สำหรับ GMM Grammy มองเห็นข้อดีของการพัฒนาบริษัทไปในทั้ง 2 ทิศทาง และพร้อมที่จะรับแนวทางที่ผู้ร่วมหุ้นทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ จากการที่ทุกฝ่ายพยายามพูดคุยเจรจาเพื่อหาทางออกมานานพอสมควรและยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการวางเป้าหมายบริษัทร่วมกันได้

 จึงเห็นตรงกันว่าหากยังจะดำเนินงานต่อโดยไม่สามารถหาข้อสรุปได้ จะก่อให้เกิดผลเสียต่อไปกับทุกฝ่าย

 บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) จึงตัดสินใจร่วมกัน ขอยุติการดำเนินงานของบริษัทฯ ลง โดยจะมีผลในวันที่ 31 ธ.ค. 2558 เป็นต้นไป

 สำหรับผลงานที่ผ่านมาทั้งภาพยนตร์และละครที่ผลิตในนาม บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) ทั้ง 3 ฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะให้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารสิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งจะมีการแต่งตั้งตัวแทนในการบริหารสิทธิ์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับผลงานที่ทางบริษัทฯ กำลังดำเนินการผลิตอยู่นั้น ทางบริษัทฯ จะดำเนินการผลิตต่อและนำออกเผยแพร่ในปี 2559 ในนามของบริษัทฯจนเสร็จสิ้น

 ขอบคุณที่รักกันมาตลอด บริษัทจีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด

 เวลา 13.00 น. วันที่ 13 พ.ย. ที่ชั้น 21 อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด หรือ จีทีเอช ได้แถลงข่าวปิดบริษัท โดยทีมผู้บริหาร ประกอบไปด้วย บุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) , วิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บ.จีเอ็มเอ็ม ไทหับ จำกัด (จีทีเอช) , จินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม , จิระ มะลิกุล HEAD PRODUCER และ ยงยุทธ ทองกองทุน ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ ร่วมแถลงครั้งนี้

 โดย บุษบา ดาวเรือง กล่าวว่า “วันนี้เรามีความเคลื่อนไหวล่าสุดของบริษัทจีทีเอชมาบอกต่อ คือประมาณช่วงกลางปีที่ผ่านมาเราทั้ง 5 คนได้มีการพูดคุยปรึกษาเกี่ยวกับทิศทางการเติบโตของบริษัท ซึ่งทางไทเอนเตอร์เทนเม้นท์ มีความเห็นว่าต้องการที่จะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ แต่ขณะเดียวกันทาง หับ โห้ หิ้น บางกอก ก็เห็นว่าบริษัทยังไม่พร้อมที่จะเข้าตลาดในช่วงเวลา 1-3 ปีนี้ ซึ่งสำหรับทางจีเอ็มเอ็มแกรมมี่แล้ว มองเห็นข้อดีของการพัฒนาบริษัทไปในสองทิศทาง แต่เมื่อผู้ถือหุ้นมีเป้าหมายที่ไม่ตรงกัน เราก็มองว่าอาจจะนำมาซึ่งปัญหาในการบริหารจัดการ และส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสามบริษัท ดังนั้นถ้าความเห็นเป็นเช่นนี้เราก็น่าที่จะตัดสินใจยุติการดำเนินงานของบริษัทจีทีเอช โดยจะมีผลในวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้”

 “ซึ่งในการตัดสินใจนี้ สิ่งที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญมากที่สุดคือพนักงานของบริษัท เราคำนึงถึงความสำคัญอันดับแรก ดังนั้นเราจึงมีการประชุมบริษัท เพื่อชี้แจงให้กับพนักงานไปแล้ว เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ทางบริษัทจะช่วยดูแลเรื่องการจ่ายโบนัส จ่ายค่าชดเชยให้ถูกต้องตามหลักกฎหมายทุกอย่าง ในส่วนของนักแสดงที่มีสัญญาผูกพันอยู่กับบริษัท เราได้มีการพูดคุยให้ทุกคนรับทราบ ในส่วนของนักแสดงทุกท่านก็มีสิทธิ์ในการตัดสินใจได้ตามต้องการ”

 “สำหรับสิทธิ์ในการจัดการบริหารภาพยนตร์และละครที่ผลิตในนามจีทีเอชที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าจะให้ทางจีเอ็มเอ็มแกรมมี่เป็นผู้บริหารจัดการสิทธิ์ โดยมีการแต่งตั้งผู้มีอาจในการบริหารสิทธิ์อีกครั้ง และทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่เราอยากจะเรียนให้ทุกท่านทราบค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุด ขอขอบคุณพนักงานทุกๆคน ที่ช่วยกันสร้างสรรค์งาน ผู้กำกับ นักแสดง และผู้ค้า สำคัญที่สุดคือผู้ที่สนับสนุนผลงานของ จีทีเอชมาตลอด และขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่าน ที่วันนี้มาช่วยกันทำข่าวในวันนี้” บุษบากล่าว

 ด้าน วิสูตร พูลวรลักษณ์ เสริมว่า “ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วผมคงต้องเรียนว่าผมมีอาชีพทำหนัง และตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ผมทำแค่อาชีพเดียวคือการสร้างภาพยนตร์ ฉะนั้นถ้าถามว่าจากจุดตรงนี้ เมื่อเราต่างคนต่างเดินแล้วเราจะทำอะไรกันต่อไปอีก ผมคงจะสร้างภาพยนตร์ต่อและเปิดบริษัทใหม่ในอนาคต เพราะผมอยากเห็นภาพยนตร์ไทยเติบโตและเจริญไปข้างหน้าเรื่อยๆ อีกอย่างหนึ่งคือเป็นสิ่งที่ผมเชื่อมั่น ผมเชื่อว่าแม้รถไฟของจีทีเอชจะจบที่สถานีนี้ แต่มันก็ไม่ได้จบแค่นี้แน่นอน ยังมีอีกหลายเส้นทางให้เราเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ และจากนี้จะช่วยให้หนังไทยเติบโตไปอีกมาก”

 ด้าน จิระ มะลิกุล เผยว่า “หลังจากที่ผมมีโอกาสเข้ามาทำหนังไทยได้ 11 ปี มันทำให้ผมได้รู้สึกว่าผมรักอาชีพนี้มาก ที่สำคัญต้องขอบคุณคุณวิสูตร ที่ช่วยสอนแนะแนวให้ผมได้ทำหนังในแบบที่คนไทยรักและชอบมาโดยตลอด และผมต้องขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยสนับสนุนเราจนทำให้ตลอดระยะเวลา 11 ปี ที่ผ่านมานี้วงการหนังไทยดูคึกคักและมีความหวังมากขึ้น ผมเชื่อว่าภารกิจนี้มันยังไม่สิ้นสุด ผมยังอยากที่จะทำหนังต่อไปเรื่อยๆ ครับ”

 ด้าน จินา โอสถศิลป์ เผยว่า ในส่วนของคนที่รักคนทำหนังทั้งสองฝ่ายหากพี่เก้งยังอยากที่จะทำหนังที่ดีอยู่ ตนในฐานะนักบริหารก็ยินดีที่จะบริหารงานให้พี่เก้ง ซึ่งจุดนี้เองเราก็คงที่จะเปิดบริษัทใหม่ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร เราคงต้องแถลงข่าวอีกทีในเดือนธันวาคม

 บุษบา กล่าวต่อว่า “อย่างที่คุณวิสูตรได้พูดไว้ การที่เรายุติรูปแบบของจีทีเอชแต่ในส่วนของความสัมพันธ์เราก็คงยังเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันอยู่ เพราะเราทุกคนต่างก็รักหนังและรักการสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ให้ผู้ชม ส่วนบริษัทใหม่ที่จะเปิดตัวขึ้นมานั้นมีโครงสร้างอย่างไรบ้างคงต้องขอแจ้งให้ทราบในลำดับถัดไปอีกที”

 ผู้สื่อข่าวถามว่าจุดเปลี่ยนคือประเด็นการนำเข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างเดียวใช่ไหม บุษบา เผยว่า “ใช่ค่ะ ไม่มีเรื่องอื่นใดๆ เข้ามาเกี่ยว เพราะเรื่องนี้สำหรับคนทำหนังคือเรื่องใหญ่มาก”

 จิน่า เสริมว่า “คือทัศนคติ เป้าหมาย รวมถึงแนวทางบริษัทค่อนข้างมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะอย่างทางไทหับยังรู้สึกว่าไม่สามารถสู้กับภาวะความกดดันได้มากพอ การทำธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์เราจะต้องมั่นใจว่าเราพร้อมจริงๆ แต่ตอนนี้เราอาจจะยังไม่พร้อมมากเท่านั้นเอง”

 เห็นว่าจะมีการเปิดบริษัทใหม่ คือมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วหรือเปล่า จิน่า กล่าวว่า “ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า เพียงแต่ว่าถ้าหากพี่เก้งอยากทำหนังอยู่ เราก็ยินดีที่จะเข้าไปช่วยในการบริหารสิ่งที่พี่เก้งอยากทำให้มันเป็นรูปร่างก็เท่านั้นเอง”

 ในฐานะผู้บริหารรู้สึกเสียดายแบรนด์และความผูกพันที่มีต่อแฟนๆ ไหม บุษบา ดาวเรือง เผยว่า “อย่างที่บอกค่ะ เรายังทำกันต่อ แม้จะไม่ใช้แบรนด์จีทีเอชแล้ว แต่สำหรับนักแสดงจะไม่มีปัญหาเรื่องการแย่งตัวแน่นอนค่ะ เพราะเราทุกคนยังเป็นพันธมิตรต่อกัน ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องความสมัครใจของคนทำงานเป็นหลัก”

  หากย้อนกลับไปวันแรกจนถึงวันนี้ แพมันแตกแล้วรู้สึกยังไงบ้าง วิสูตร กล่าวสั้นๆ ว่า “ผมดีใจนะครับ ที่เราทุกคนได้ร่วมงานกัน เพราะประการณ์ 11 ปี ที่ผ่านมาผมรู้สึกว่ามันมีค่ามาก และผมเองภูมิใจอีกเช่นเดียวกันที่เราทุกคนได้ร่วมมือ”

 “อย่างที่บอกค่ะ ทุกคนจะได้เห็นอะไรมากยิ่งขึ้น อีกอย่างเรื่องตรงนี้มันก็เป็นแค่เรื่องของทางธุรกิจ แต่ในส่วนของมิตรภาพเรายังมีอยู่เหมือนเดิมทุกอย่าง” บุษบากล่าวทิ้งท้าย

หลังจากที่โพสต์ไปไม่นานก็มีบรรดาแฟนๆ ของจีทีเอช ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมาก โดยออกอาการตกใจ และเสียดายที่จะมีการปิดตัวบริษัท พร้อมกันนี้ก็ได้ให้กำลังใจและสนับสนุนให้สร้างภาพยนตร์ออกมาสู่สายตาแฟนๆ กันต่อไป

 บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด หรือ จีทีเอช เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายภาพยนตร์ไทย ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ซึ่งจุดเริ่มต้นของ “จีทีเอช” เกิดขึ้นหลังจากจีเอ็มเอ็ม พิคเจอร์, ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และ หับโห้หิ้น ฟิล์ม ร่วมกันสร้างภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน เมื่อปี พ.ศ. 2546 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จึงรวมตัวเป็นบริษัทเดียวกัน ต่อมาภาพยนตร์ของจีทีเอชได้รับความนิยมและทำรายได้ดีแทบทุกเรื่อง เช่น ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ, ห้าแพร่ง, รถไฟฟ้า มาหานะเธอ, กวน มึน โฮ, ลัดดาแลนด์, ATM เออรัก เออเร่อ พี่มากพระโขนง คิดถึงวิทยา ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ เป็นต้น

 โดย “จีทีเอช” เกิดจากการร่วมทุนของ 3 บริษัท คือ จีเอ็มเอ็ม พิคเจอร์, ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่บริหารงานโดย วิสูตร พูลวรลักษณ์ และ หับ โห้ หิ้น ฟิล์ม (ในเครือแกรมมี่) โดย จิระ มะลิกุล ซึ่ง “จีทีเอช” มาจากชื่อต้นและอักษรย่อหน้าชื่อของบริษัทร่วมทุนทั้งสาม ด้วยทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท ได้แก่ G (51%), T (30%) และ H (19%)

  ซึ่งด้านภาพยนตร์ จีทีเอชมุ่งเน้นสร้างหนังไทยในระบบ ‘สตูดิโอ’ ที่ครบวงจร, มีระบบการทำงานที่ชัดเจน, การจัดการที่มีมาตรฐานสากล, ผลประโยชน์ที่เป็นธรรมต่อคนทำงานและพร้อมที่จะดูแลและให้ความช่วยเหลือกับ FILM MAKER ทั้งเก่าและใหม่อย่างใกล้ชิด จนเป็นค่ายหนังไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมากเป็นอันดับหนึ่ง จากคนในสังคมเมือง และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีหัวคิดทันสมัย ส่วนทางด้านการส่งเสริมการตลาด ทางบริษัทได้นำสินค้าเข้าไปโฆษณาแฝงในภาพยนตร์และละครหลายเรื่อง ต่อมา จีทีเอช มีช่องโทรทัศน์เป็นของตัวเอง ภายใต้ชื่อว่า “จีทีเอชออนแอร์”

 หลังมีข่าวลือเรื่องความขัดแย้งและแนวทางในการบริหาร ล่าสุดจีทีเอชออกมาแถลงข่าวยุติการดำเนินงานของบริษัทเป็นที่เรียบร้อย ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 เหตุผลเนื่องมาจากกลุ่มผู้ก่อตั้งมีเป้าหมายและความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ซึ่งการยุติของบริษัทจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 และจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จะเป็นผู้ดูแลสิทธิ์ในส่วนของผลงานที่ผลิตในนาม จีเอ็มเอ็ม ไท หับ ในส่วนของนักแสดงและพนักงานให้เป็นไปตามความสมัครใจของแต่ละบุคคล

 โดยงานทิ้งท้ายของ “จีทีเอช” จะเป็นคอนเสิร์ตฟอร์มยักษ์ “STAR THEQUE GTH 11 ปีแสงคอนเสิร์ต” ฉลองครบรอบ 11 ปี จีทีเอช ซึ่งเป็นการรวมตัวของเหล่านักแสดงในค่าย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-20 ธันวาคม 2558 ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เป็นเหมือนคอนเสิร์ตสุดท้ายในฐานะ ‘จีทีเอช’ อำลาแฟนๆ ที่รักกันมาตลอด 11 ปี

ที่มา ข่าวสด


0 comments:

Post a Comment

กด Like เพื่อร่วมติดตามข่าวใหม่ๆก่อนใคร

Advertisement

ข่าวที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Flag Counter

Powered by Blogger.

กด Like = 1 กำลังใจ
กดพื้นที่ว่างหรือกากบาทด้านล่างเพื่ออ่านข่าว

Powered By | Blog Gadgets