ศาลฎีกายกฟ้อง3จำเลยจ้างวานฆ่า “เจริญ วัดอักษร” แกนนำต่อต้านโรงไฟฟ้าบ่อนอก
จากกรณีนายเจริญ วัดอักษร อายุ 37 ปี ประธานกลุ่มอนุรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์ แกนนำคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบ่อนอกของ บริษัท กัลฟ์ อิเล็คทรอนิค ถูกอาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงรวม 9 นัด จนถึงแก่ความตาย ที่อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะนายเจริญลงจากรถทัวร์โดยสารสายกรุงเทพ-บางสะพาน หลังจากเดินทางไปให้ปากคำ กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องของการบุกรุกที่ดินสาธารณะคลองชายธงในเขต อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี 2547 ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ต.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีจ้างวานฆ่านายเจริญ วัดอักษร แกนนำกลุ่มคัดค้านการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าบ่อนอก หมายเลขดำ ด.2945/2547 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายเสน่ห์ เหล็กล้วน ซึ่งเสียชีวิตแล้วในเรือนจำ นายประจวบ หินแก้ว เสียชีวิตในเรือนจำแล้วเช่นกัน นายธนู หินแก้ว อาชีพ ทนายความ อายุ 53 ปี นายมาโนช หินแก้ว อดีตส.จ.ประจวบคีรีขันธ์ อายุ 49 ปี และนายเจือ หินแก้ว อดีตกำนัน ต.บ่อบอก อายุ 78 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันจ้างวานฆ่าผู้อื่น และพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490
ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา ศาลพิจารณาเห็นว่านายเจือจำเลยที่ 5 ไม่มาศาล แต่มอบอำนาจให้ทนายความนำใบรับรองแพทย์มายื่นต่อศาลแจ้งเหตุ ดังนั้น เพื่อเหตุแห่งความยุติธรรมจึงให้เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาออกไปก่อน ส่วนนายธนูจำเลยที่ 3 ทราบหมายโดยชอบแล้ว แต่ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุ ศาลจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับติดตามตัวเพื่อมาฟังคำพิพากษา โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาฎีกาอีกครั้งในวันนี้ เวลา 09.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางกรณ์อุมา พงษ์น้อย หรือกระรอก ภรรยาของนายเจริญ เดินทางมาพร้อมกับชาวบ้าน เครือข่ายคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบ่อนอกกว่า 50 คน จนเต็มห้องพิจารณาคดีเพื่อจะร่วมฟังคำพิพากษาฎีกาด้วย โดยศาลใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงในการอ่านคำพิพากษา ต่อมาหลังจากฟังคำอ่านพิพากษาแล้วเสร็จ นางกรณ์อุมา ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ด้วยสีหน้าที่ซึมเศร้า
นางกรณ์อุมา กล่าวว่า กว่า 11 ปีของคดีการสั่งยิงนายเจริญ ประธานกลุ่มอนุรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอกจ.ประจวบคีรีขันธ์ วันนี้ตนเรียนรู้ว่าในส่วนของขบวนการยุติธรรม เราคิดว่ามันบิดเบี้ยว จำเป็นต้องเร่งมีการปฏิรูป ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนจนถึงชั้นตุลาการทุกระดับ วันนี้เห็นว่าพี่น้องของพวกเราเองที่ประจวบคีรีขันธ์จำนวนหนึ่ง ที่ต่อสู้เพื่อเป็นคนดีที่ บริสุทธิ์แต่ถูกจำคุกคนละ 21 ปี 6 เดือน โดยที่ไม่ได้มีความผิด ในขณะเดียวกันผู้ต้องหาที่สั่งฆ่าถูกปล่อยตัวให้ลอยนวล
นางกรณ์อุมา กล่าวอีกว่า การต่อสู้ของพวกเราที่ยังคงต้องรักษาทรัพยากรชาวบ้านเรา วันนี้จึงอยากให้สื่อมวลชนติดตามคิดว่า การปล่อยตัวในครั้งนี้ของผู้กระทำผิดจะทำให้อิทธิพล และนักการเมืองในท้องถิ่นจะทำให้เหิมเกริมมากขึ้น
“เบื้องต้นศาลตัดสินคำให้การของมือปืนไม่มีน้ำหนักในการรับฟัง เนื่องจากมือปืนเสียชีวิต จนไม่สามารถมาขึ้นศาลได้ จึงมีน้ำหนักไม่เพียงพอศาลจึงตัดสินให้ยกฟ้อง อย่างไรก็ตาม ไม่เห็นด้วยกับการตัดสิน แต่ต้องจำใจยอมรับ ในฐานะประชาชนคงต้องกลับไปหารือ การต่อสู้จะไปข้างหน้า เราหวังจากการคุ้มครองจากขบวนการยุติธรรมได้ยาก พี่น้องประชาชนคงต้องจัดการด้วยตัวเอง ในเรื่องคดีความมันมีความชัดเจนในเหตุการณ์ แต่ปัญหามันสิ้นสุดแล้วในขบวนการยุติธรรม เราหวังการคุ้มครองของขบวนการยุติธรรมไม่ได้” นางกรณ์อุมา กล่าว
ที่มา ข่าวสด
0 comments:
Post a Comment