‘ปวีณา’บุกช่วย เด็กน้อย2พี่น้องที่นครปฐม ที่ถูกจับขังห้อง!! เวทนาเสียงร้องพ่อเลี้ยงทุบตี-ไม่ให้กินข้าว
เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. วันที่ 30 ต.ค. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครปฐม ได้เข้าพบ พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี แก้วเอี่ยม ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว พ.ต.อ.วิวัฒน์ ศรีทองจ้อย พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรโพธิ์แก้ว แจ้งว่าทางมูลนิธิฯ ได้รับการร้องเรียนว่ามีเด็กถูกทารุณกักขังอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 6 ตำบล อ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม จึงนำกำลังไปร่วมตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบที่บ้านดังกล่าวเป็นห้องแถวชั้นเดียว ด้านหน้าประตูปิดล็อกด้วยกุญแจสายยู พบมีเสียงเด็กหญิง เด็กชาย ขานรับโต้ตอบอยู่ในห้อง สอบถามบ้านข้างเคียง ทราบว่า บิดามารดาจะขังให้เด็กอยู่ในบ้าน ส่งเสียงร้องเป็นประจำ เจ้าหน้าที่จึงอ้อมไปด้านหลัง พบประตูด้านหลังใช้เชือกผูกคล้องอยู่ จึงเปิดเข้าไป พบเด็กชาย อายุ 6 ขวบ นักเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง กับ เด็กหญิง อายุ 5 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล โรงเรียนเดียวกัน เป็นพี่น้องกัน
โดยเป็นบุตรของสาวพนักงานโรงงานแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองอ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งเด็กบอกว่าไม่มีกุญแจเปิด แม่ให้อยู่กับน้องสองคน โดยซื้อข้าวเหนียวหมู กับข้าวผัดไว้ให้กิน ตอนเย็นจึงจะกลับ และพบว่า ตามร่างกายของเด็กชาย มีบาดแผล ร่องรอยหลายแห่ง
สอบถามเด็กเบื้องต้น เด็กทั้งสองบอกว่า มารดามีภูมิลำเนาอยู่ หมู่ 4 ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม จึงนำเด็กทั้งสองไปที่สถานีตำรวจภูธรโพธิ์แก้ว โดยมีเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครปฐมร่วมทำการสอบปากคำ และคัดกรอง ก่อนส่งตัวไปให้แพทย์ตรวจร่างกายเบื้องต้น พร้อมประสานพนักงานอัยการนักจิตวิทยามาร่วมทำการสอบปากคำเด็ก พร้อมทั้งเชิญตัวมารดาของเด็กมาสอบปากคำ
ในเบื้องต้นเด็ก และเพื่อนบ้านบอกว่า เด็กถูกแม่กับพ่อเลี้ยงทุบตีเป็นประจำทุกวันส่งเสียงร้องเป็นที่น่าเวทนา บางครั้งพ่อเลี้ยงตีเด็ก แม่ก็อยู่ แต่ไม่สนใจช่วยลูก ซ้ำร้ายยังไม่ให้กินข้าว ถูกขังอยู่แต่ในห้อง ไม่ได้ไปเรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่น
นางปวีณา กล่าวว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนจากพลเมืองดี แล้วได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ จนพบว่าข้อร้องเรียนดังกล่าว มีมูลพอที่จะต้องเข้าช่วยเหลือเด็กน้อยทั้งสองจากการถูกทารุณกรรม ซึ่งในส่วนของมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หมดหน้าที่แล้ว ได้ส่งต่อให้บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครปฐม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำเด็กไปดูแล ระหว่างรอการดำเนินคดี แม่และพ่อเลี้ยง
อย่างไรก็ตามแม้ว่าแม่เด็กจะปฎิเสธว่า พ่อเลี้ยงไม่ได้ทุบตีเด็ก แต่ตามกฎหมายระบุผู้ใดกระทำการทารุณ ทุบตีบุตร ผู้นั้นกระทำการผิดตาม พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งต้องเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป
ขณะที่ แม่ของเด็ก กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง ตนต้องออกไปทำงานโรงงาน สามีใหม่ก็ทำงานโรงงานทุกวัน ช่วงนี้ปิดเทอม เด็กไม่ได้ไปโรงเรียน จึงให้อยู่บ้านลำพัง ด้วยการล็อกประตูหน้าไว้ และออกประตูหลังห้องแทน และซื้อข้าวทิ้งไว้ให้เรียบร้อย และช่วงเปิดเทอมไปโรงเรียน ก็ให้รถไปรับ-ส่งทุกวัน ยอมรับว่าสามีใหม่ตีน้องบ้าง เพราะน้องดื้อมากโดยเฉพาะลูกชาย เราเลี้ยงลูกแบบตามใจเอง เด็กจึงเสีย ชอบโกหก และลักขโมยเงิน
เชื่อว่าน่าจะเป็นการเข้าใจผิดของชาวบ้าน และหรือถูกกลั่นแกล้ง ทุกครั้งที่สามีตีลูกเราก็อยู่ด้วย เขาลงโทษตีเบาๆ ไม่ถึงกับทารุณ ลูกเลือกที่จะถูกตี หรือจะออกไปนั่งนิ่งๆสงบสติอารมณ์นอกห้อง น้องเลือกจะไปนั่งนอกห้อง ไม่เลือกถูกตี ซึ่งเราทำโทษลูกเราเอง ผิดด้วยหรือ เราว่าคนที่ไปแจ้งมูลนิธิปวีณารู้อะไรไม่หมด หรือรู้ไม่จริงมากกว่า
ด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี แก้วเอี่ยม ผกก. กล่าวว่า เบื้องต้นต้องรอสหวิชาชีพ มาสอบเด็ก และวิเคราะห์เหตุการณ์ก่อน จึงจะสามารถแจ้งความดำเนินคดีกับ พ่อเลี้ยง และ แม่ อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องใช้ความระมัดระวัง
ที่มา ข่าวสด
0 comments:
Post a Comment