Saturday, September 5, 2015

รวบแล้วนช.แหกคุกศาลนครปฐม จนท.ระดมล่าทั้งคืน สุดท้ายจนมุมบ้านร้างย่านนครชัยศรี


จากกรณีนายเจษฏา รำพึงจิต อายุ 29 ปี นักโทษคดี ฆ่าและพยายามฆ่า หนีจากศาลจังหวัดนครปฐม ขณะถูกนำตัวมาฟังคำพิพากษา โดยได้โดดข้ามรั้วกั้นระหว่างห้องควบคุมใต้ถุนศาล วิ่งหลบไปทั้งที่ใส่โซ่ตรวจที่ขา ออกทางประตูเล็กริมรั้ว ระหว่างศาลจังหวัดกับวัดไผ่ล้อม แล้วไปชิงรถจยย.สีดำ ทะเบียน 987 ยังไม่ทราบจังหวัด ที่ตลาดผลไม้ปฐมมงคล ห่างจากศาลประมาณ 500 เมตร หลบหนีไป เจ้าหน้าที่ปิดล้อม ติดตามจับกุม เพราะถือว่าเป็นบุคลอันตราย ชำนาญการใช้อาวุธปืน ซึ่งอาจไปก่อเหตุชิงอาวุธปืนจากเจ้าหน้าที่ได้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น


 ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 5 ก.ย. เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมพื้นที่จุดที่นายเจษฎาทิ้งรถจักรยานยนต์ ไปซุ่มกบดานอยู่ที่บ้านร้างใกล้กับบ้านญาติ ตำบลท่าพระยาอำเภอนครชัยศรี ใกล้กับวัดน้อยเจริญสุข ห่างจากจุดที่ทิ้งรถราว 15 กม. โดยก่อนหน้าที่ช่วง 05.55 น. พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ รอง ผบช.ภ.7 7 พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.สมชาย รักเสนาะ รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.รัตนะ ปาลจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.อุดม เปี่ยมศักดิ์ ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.อ.ธีรเดช อธิภัคกุล ผกก.สภ.นครชัยศรี พ.ต.ท.ไชยศ มุกดาหาญ รองผกก.ป. พ.ต.ท.ธารา ศรีพรหมคำ รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม รอง ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.สุธี วรรณสูตร รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ภูวดิท คงเพ็ชร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ยงลิต ศุภผล สว.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.คุรุพงษ์ แก้วสะอาด สวป.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.เดชศักดา แต้มรุ่งเรือง สวป.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.พงศ์สัณห์ มีศรี สวป.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ต.มนตรี จ่าน้ำเที่ยง สว.สส.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.สมพงษ์ เสนางาม สวป.ฯ กำลังชุดอินทรี 7(นปพ.กก.สส.ภ.7) ชุดสืบสวน ภ.จว.นครปฐม กำลังชุด Swat (นปพ.ภ.จว.นครปฐม) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำโดยนายเกียรติศักดิ์ เวชวงศ์วาน ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครปฐม

 พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร สุนัขสะกดรอยดมกลิ่น อส.ตร. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย สารวัตร จากตำบลพระประโทน บ่อพลับ ถนนขาด ห้วยจระเข้ รวมกว่า 200 นาย มาร่วมสะกดรอยไล่ล่าติดตามนายเจษฏา นักโทษที่ศาลชนิดปูพรมทั้งทางน้ำและภาคพื้นดินหลัง ใช้เวลาปูพรมค้นหาอีกครั้งจากจุดที่ นายเจษฏา ทิ้งรถที่ชิงมาหลบหนี โดยใช้เวลาค้นหากว่า 3 ชั่วโมงไม่พบร่องรอย กระทั่งเวลา 08.30 น.พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ได้สั่งเลิกการค้นไป เรียกนายตำรวจระดับควบคุมกับลังสั่งการไปประชุมย้อยรอยอีกครั้ง ที่ ศปก.ภ.จว.นครปฐม


 ต่อมาเวลา 09.30 น.พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล ผกก.สภ.นครชัยศรี ว่ากำลังที่แบ่งไปสะกดรอย พบกล้องวงจรปิดบริเวณ อนามัย อบต.บางระกำ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จับภาพนายเจษฎาได้ขณะเดินลากโซ่ตรวนผ่านไปได้ในเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.นครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชัยศรี ระดมกำลังลงพื้นที่ ต.ท่าพระยา และลงพื้นที่ ต.บางระกำ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เพื่อตรวจค้นหาผู้ต้องหาตามเส้นทางที่คาดว่านายเจษฎา ผู้ต้องหาจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนีและซุกซ่อนตัว

 จากนั้นเวลา 09.45 น. กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครชัยศรี นำโดย ร.ต.ท.ธงชัย พูลทรัพย์ รองสว.สส.สภ.นครชัยศรี ด.ต.เฉลิมพล นิลโสภา ด.ต.วิรัตน์ ชื่นชมน้อย ส.ต.ต.วัลลภ เต็มทวี ส.ต.ต.สุทธิพันธ์ เชยอารมณ์ กับพวกที่ลงพื้นที่ตรวจสอบในพื้นที่ ต.ท่าพระยา และขณะที่กำลังจะเข้าตรวจสอบภายในบ้านร้างกลางทุ่ง ม.4 ต.ท่าพระยา ใกล้เคียงบ้านญาติของนายเจษฎา ก็พบผู้ต้องหาวิ่งออกบ้านร้างเข้าไปในป่าหญ้าในสภาพนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวไม่สวมเสื้อ เจ้าหน้าที่จึงวิ่งติดตามไป จนสามารถติดตามจับกุมตัวนายเจษฎาไว้ได้ในสภาพอิดโรย โดยมีห่วงเหล็กแบบกำไลเท้าที่ถูกตัดอ้า ติดอยู่ที่ข้อเท้าด้านซ้ายหนึ่งข้าง


 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมร่วมกันการแถลงข่าวและเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามนายเจษฎา โดยพล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ. 7 กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น นายเจษฎา รำพึงจิต หรือเอฟ ให้การรับสารภาพว่า หลังจากขึ้นศาลสืบพยานรอบเช้าผ่านไปแล้ว และกำลังขึ้นศาลสืบพยานภาคบ่าย รู้สึกเครียดเพราะคิดว่าตนคงต้องรับโทษหนักจึงตัดสินใจ หนีโดยผลักเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดิมคุมตัวจะไปขึ้นบัลลังก์จนล้มแล้วโหนตัวข้ามรั้วตาข่ายกั้นผู้ต้องหาริมทางเกิน เพื่อหนีในสภาพที่ยังมีโซ่ตรวจติดอยู่ที่ขา ก่อนที่จะมาลักรถที่จอดอยู่บริเวณตลาดปฐมมงคล ขี่หลบหนีไปตามเส้นทางเข้าวัดเกาะวังไทร และเมื่อไปถึงบริเวณทางโค้ง จึงเกิดการเสียหลักรถ พุ่งตกลงไปในพงหญ้าข้างทาง จึงวิ่งเข้าไปซุกซ่อนตัวในป่ากก และแช่ตัวอยู่ในน้ำกลางป่ากก กว่า 6 ชม.ท่ามกลางการค้นหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร

 จนกระทั่งความมืดเข้าปกคลุมจึงลอยคอไปตามคลองน้ำมุ่งหน้าไปทางทิศทางของบ้านญาติ ข้ามฝั่งบึงกุ่ม บึงบางช้าง เข้าพื้นที่ ต.บางระกำ ไปถึงสวนของชาวบ้านที่มีโรงเก็บเครื่องมือพบใบเลื่อย จึงได้ใช้ใบเลื่อยตัดโซ่ตรวนออกแล้วเดินเท้าลัดเลาะ มาเข้าพื้นที่ ต.ท่าพระยา ก่อนเข้าไปซุกซ่อนตัวในบ้านร้าง ซึ่งเป็นโรงเลี้ยงวัวเก่า จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ดังกล่าวโดยใช้เวลาในการไล่ล่าติดตามตั้งแต่ช่วงที่หลบหนีจนจับกุมได้กว่า 20 ชั่วโมง ในชั้นต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา นายเจษฎา ฐานความผิด”หลบหนีไประหว่างคุมขัง ตามอำนาจของศาลโดยใช้กำลังประทุษร้าย, ลักทรัพย์(รถจยย.) โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าฯ)

 นายเจษฎา กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยคิดหรือวางแผนหลบหนีมาก่อน และการหลบหนีครั้งนี้ก็ไม่มีผู้ใดเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เป็นอารมณ์ชั่ววูบที่คิดว่า ถ้าถูกพิพากษา ศาลคงตัดสินประหารเสียชีวิต แน่นอน จึงคิดหนีอาจมีทางรอด แต่ก็ไม่รอด ซึ่งการหลบหนีครั้งนี้ ตนใช้เส้นทางน้ำเป็นทางหลักโดยหลังจากทิ้งจยย.แล้วก็ได้ลงไปแช่น้ำอยู่ในพงหญ้ากว่า 6 ชม. เพื่อหลบหนีการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่และสุนัขดมกลิ่นจากนั้นก็อาศัยความมืดหลบออกมาแล้วใช้วิธีการลอยคอไปตามคูคลองและลัดเลาะ เข้าสวนชาวบ้านจนกระทั่งมาถึงบ้านร้างในพื้นที่ ต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านของมารดาตนเอง และหลบซ่อนตัวอยู่ในนั้น จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว

 นายเกียรติศักดิ์ เวชวงศ์วาน ผบ.เรือนจำกลางนครปฐม กล่าวว่า จากนี้คงต้องเข้มงวดกับผู้ต้องขังต้องโทษ และผู้ต้องหาในรายที่มีคดีร้ายแรงเพิ่มขึ้น ซึ่งปกติในเรือนจำเองก็เข้มข้นอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในรายของนายเจษฎา ผู้ต้องหารายนี้คงต้องดูแลเป็นพิเศษกว่าเดิม

ที่มา ข่าวสด


0 comments:

Post a Comment

กด Like เพื่อร่วมติดตามข่าวใหม่ๆก่อนใคร

Advertisement

ข่าวที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Flag Counter

Powered by Blogger.

กด Like = 1 กำลังใจ
กดพื้นที่ว่างหรือกากบาทด้านล่างเพื่ออ่านข่าว

Powered By | Blog Gadgets