ไล่ยิงสนั่นอุดรฯ ตามจับอดีตตำรวจอาสาขอนแก่น ตระเวนงัดร้านฉกทรัพย์ แถมหลอกเมียว่าเป็นตำรวจ
วันที่ 9 ก.ย. ร.ต.อ.อรรคพล ยี่เกาะ รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังเข้าจับกุมนายสมศักดิ์ แก้วคอนไทย อายุ 36 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่นที่ จ. 142/2556 ลงวันที่ 25 เม.ย.59 ข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง ที่หอพักแห่งหนึ่งในซอยกำนัน ถนนนิตโย เขตเทศบาลนครอุดรธานี แต่นายสมศักดิ์ ไหวตัวทันได้ขับรถเก๋งฮอนด้า อเมซ สีดำ ทะเบียน กร 6525 อุดรธานี หลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามไปจนพบว่าไปจอดอยู่ที่ซอย 3 ศูนย์การค้ายูดีทาวน์ เพื่อรอรับภรรยาคนแรกที่ทำงานอยู่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในศูนย์การค้ายูดีทาวน์
ร.ต.อ.อรรคพล จึงได้ใช้รถกระบะจอดปิดท้ายรถเก๋งนายสมศักดิ์ และรออยู่ประมาณ 10 นาที จึงพากันลงจากรถเพื่อเข้าไปจับกุมนายสมศักดิ์ แต่กลับถูกนายสมศักดิ์ ชักปืนออกมายิงใส่กลุ่มตำรวจ 4 นัด เพื่อเปิดทางหลบหนี พร้อมทั้งถอยรถเก๋งชนรถตำรวจที่จอดปิดทาง เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจยิงยางรถยนต์ แต่นายสมศักดิ์ไม่ยอมหยุดและได้ขับรถหลบหนีไปทางถนนรอบเมือง เจ้าหน้าที่จึงขับรถติดตามและยิงยางรถยนต์ทั้ง 3 ล้อ จนได้รับความเสียหาย รถเสียหลักตกลงร่องกลางถนน นายสมศักดิ์ได้ทิ้งรถวิ่งหลบหนีข้ามคลองเข้าไปหมู่บ้านทรัพย์สมบูรณ์ ต.หนองบัว ตำรวจปิดล้อมหาอยู่ 2 ชั่วโมง แต่ก็ไม่พบตัว จึงตรวจค้นภายในรถพบชุดเครื่องแบบตำรวจ 2 ชุด และอุปกรณ์การงัดแงะจำนวนหนึ่ง
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงไปตรวจค้นห้องพักของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ในซอยหนองบัว เขตเทศบาลนครอุดรธานี ก็พบกับน.ส.วนิดา อินทร์บุดดี อายุ 24 ปี ภรรยาคนที่ 2 ของนายสมศักดิ์ จึงท่ำการตรวจค้นในห้องพักก็พบของกลางเป็นสินค้าทั้งหมดที่นายสมศักดิ์ ได้มาจากการงัดแงะร้านค้าในเขตอุดรธานี แล้วนำมาให้ น.ส.วนิดา ไปขายประกอบด้วยกระเป๋าแบรนเนม 30 ใบ มูลค่า 5 แสนบาท โทรศัพท์มือถือ 20 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก 5 เครื่อง และใบประกาศนียบัตร ที่เคยอบรมตำรวจอาสาของนายสมศักดิ์ แก้วคอนไทย และ น.ส.วนิดา จึงควบคุมตัวน.ส.วนิดา พร้อมตรวจยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาพ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี, พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง ผกก.สส. ร่วมกันสอบปากคำน.ส.วนิดา ซึ่งได้ให้การรับสารภาพโดยอ้างว่า ก่อนนี้เคยเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปในห้างแห่งหนึ่งที่ขอนแก่น แต่ถูกให้ออกเพราะทำยอดขายไม่ถึงเป้า จึงมาอยู่กินกันฉันสามีภรรยากับนายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นพนักงานขายนาฬิกาในห้างเดียวกัน จนมีลูกด้วยกัน 1 คน โดยทราบว่านายสมศักดิ์ มีภรรยาและลูกอยู่ก่อนแล้ว นายสมศักดิ์ชอบและหลงใหลในอาชีพตำรวจ จึงชวนกันไปสมัครเป็นตำรวจอาสา ที่ สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อปี 2554-55
ต่อมานายสมศักดิ์ ได้ขโมยนาฬิกานายจ้างไปขาย จึงถูกออกหมายจับ พวกตนจึงหลบหนีมาอยู่ที่ จ.อุดรธานี โดยภรรยาคนแรกของนายสมศักดิ์ เป็นคนซื้อรถเก๋งให้นายสมศักดิ์ ขับไปรับ-ส่งไปทำงาน ส่วนตนและนายสมศักดิ์ ตกงานทั้งคู่ ต่อมานายสมศักดิ์ ได้นำรถไปก่อเหตุงัดร้านค้า โทรศัพท์มือถือ สินค้าแบรนด์เนม ในเขต จ.อุดรธานี แล้วนำมาให้ตนไปขาย นำเงินที่ได้มาจ่ายค่าห้องพัก และเลี้ยงลูก จนมาถูกจับกุม
พ.ต.อ.ชวิศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีนายเพชรรัตน์ กองธรรม อายุ 25 ปี เจ้าของร้านโตไกลลิสซิ่ง จำหน่ายกระเป๋าแบรนเนม ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี เข้ามาแจ้งว่าช่วงกลางดึกได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน งัดเข้าไปในร้านแล้วขโมยเอากระเป๋าแบรนเนมในร้านไป 50 ใบ มูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเป็นคนร้ายคือนายสมศักดิ์ ที่หลบหนีหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น มาก่อเหตุในเขต จ.อุดรธานี ซึ่งมีผู้เสียหายมาแจ้งความไว้ 5 ราย จึงได้ออกสืบสวนจนทราบที่อยู่ ขณะจะเข้าจับกุมนายสมศักดิ์ไหวตัวทัน และยิงปืนใส่ตำรวจก่อนขับรถหลบหนีไปได้ ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานอนุมัติหมายจับ และติดตามจับกุมนายสมศักดิ์ ตำรวจบ้านตัวแสบมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังตำรวจจับกุมน.ส.วนิดา และตามไล่ล่านายสมศักดิ์ ผู้ต้องหาลักทรัพย์ จึงแจ้งให้ภรรยาคนแรก ซึ่งเป็นเจ้าของรถเก๋งที่ใช้ก่อเหตุทราบว่านายสมศักดิ์ สามีแท้จริงเป็นตำรวจอาสา หรือตำรวจบ้าน หลังทราบเรื่องภรรยาคนแรกก็ถึงกับเข่าอ่อน เพราะนายสมศักดิ์ หลอกว่าเป็นตำรวจจริง ยศ ส.ต.ท. สังกัด สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี จึงยอมอยู่กินฉันสามีโดยไม่ได้แต่งงานกัน จนมีลูกสาวอายุ 3 ขวบ และรู้ว่าสามีไปมีภรรยาน้อย แต่ไม่เคยพบเห็นกัน
ที่มา ข่าวสด
0 comments:
Post a Comment