Tuesday, July 19, 2016

"วีเจสาว"เปิดใจยันไม่รู้เรื่องเงิน 1.2 ล้านที่ลูกชายขโมยจากแม่ เก๋งป้ายแดงก็เก็บเงินซื้อเอง

 

 จากกรณีที่นางศิริกานต์ ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ แจ้งความดำเนินคดีนายระพีพัชร ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ ลูกชายอายุ 28 ปี หลังขโมยเงินในบัญชีสูญกว่า 1.2 ล้านบาท โดยนำไปใช้จ่ายเพราะหลงใหล “วีเจสาว” รายหนึ่งผ่านแอพพลิเคชั่น “ไอโชว์” กระทั่งภายหลังนายระพีพัชรได้เข้าพบมารดา และกราบเท้าขอโทษยอมรับผิดที่สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา สัญญาจะไม่ติดต่อกับวีเจสาวรายดังกล่าวอีก กระทั่งนางศิริกานต์ให้โอกาสลูกชายและให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน (อ่านข่าว : ลูกชายกราบขอโทษแม่ แอบกดเงินเอทีเอ็ม 1.2 ล้านซื้อรถให้วีเจสาว


  ล่าสุดวันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับวีเจสาวรายดังกล่าว โดยวีเจสาวระบุว่า ตนได้รับผลกระทบอย่างมากจากข่าวที่ปรากฎออกไป ตนเพิ่งรู้จักกับนายระพีพัชรในปีนี้ และยังไม่ได้คบหากันเป็นแฟน เพราะอยู่ในช่วงระหว่างการศึกษาดูใจ โดยนายระพีพัชรเล่นแอพพลิเคชั่นไอโชว์นานแล้ว ก่อนหน้าที่ตนจะเข้ามาทำงานที่นี่ ที่ผ่านมาทราบว่าได้พูดคุยและส่งไอคอนของขวัญให้กับวีเจสาวคนอื่นๆ ก่อนหน้าตนหลายคน บางคนทราบว่านายระพีพัชรส่งไอคอนของขวัญให้หมดค่าใช้จ่ายเป็นหลักแสน


  วีเจสาวกล่าวว่า ส่วนข่าวที่ว่านายระพีพัชรขโมยเงินจากบัญชีของแม่ 1,200,000 บาทนั้น ตนไม่ทราบว่าเขานำไปใช้ตรงส่วนไหนอย่างไรบ้าง เพราะตนเป็นเพียงวีเจคนหนึ่งในจำนวนหลายๆ คน ที่นายระพีพัชรติดต่อพูดคุยผ่านแอพดังกล่าว ส่วนยอดค่าใช้จ่ายที่นายรพีพัชรส่งไอคอนมอบเป็นของขวัญให้กับตนนั้น ไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพราะต้องตรวจสอบกับทางบริษัท ซึ่งนอกจากนายระพีพัชรแล้ว ก็มียูชเซอร์ (ผู้เล่น) คนอื่นๆ ที่ส่งไอคอนของขวัญให้กับตนหลายคน ซึ่งเป็นไปตามปกติของลูกค้าผู้เข้ามาใช้บริการ

 "ส่วนเงินที่นายระพีพัชรให้หนูเป็นการส่วนตัวนั้นเป็นจำนวนน้อยมาก ไม่ได้ให้มากมายอย่างที่เป็นข่าว เรื่องรถยนต์ป้ายแดงที่หนูเพิ่งซื้อมาใหม่ก็เป็นเงินของตัวเองกับพี่สาว ไม่มีเงินของนายระพีพัชรแม้แต่บาทเดียว ที่ผ่านมาเขาก็บอกว่าเป็นคนทำงานหาเลี้ยงครอบครัว หนูไม่ทราบมาก่อนว่าเงินที่นำมาใช้จ่ายเป็นเงินของคุณแม่เขา”วีเจสาวกล่าว

  ส่วนกรณีที่นายระพีพัชรอ้างว่าตนขับรถพาไปปล่อยทิ้งไว้ที่ย่านรังสิต จ.ปทุมธานี แล้วขาดการติดต่อไปเลยนั้น ขอชี้แจงว่าในวันดังกล่าวตนกับนายระพีพัชรไปที่ไหน แม่ของนายระพีพัชรก็รู้ดี เพราะตนก็เคยพบเจอกับแม่ของนายรพีพัชรมาแล้วหลายครั้ง แต่พอเขาทราบว่าเงินในบัญชีหายไปจึงไปแจ้งความ ซึ่งตอนนั้นตนยังพูดคุยปรึกษาว่าจะเข้าไปพบแม่พร้อมกันหรือไม่ แต่นายระพีพัชรเป็นฝ่ายตัดสินใจเองที่บอกให้ตนส่งเขาไว้ที่รังสิต

 วีเจรายนี้กล่าวว่า จากนั้นตนมาทราบผ่านข่าวภายหลังว่าแม่นายระพีพัชรไม่ต้องการให้ลูกชายติดต่อกับตนอีก จึงทำให้ตนไม่รับสายของนายระพีพัชร โดยตอนที่เขาโทรมา ตนไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์ เพราะตอนนั้นตนก็อยู่กับครอบครัว พ่อ แม่ และพี่สาว เรื่องดังกล่าวตอนนี้ก็ทำให้ครอบครัวเครียด เนื่องจากมีการเผยแพร่ภาพตนออกสื่อไป โดยเฉพาะพี่สาวก็ถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม

 ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าอีกฝ่ายจะเดินทางไปบ้านเกิดตนเองที่ จ.ลำปาง เพื่อสู่ขอตนเองกับพ่อแม่ ยืนยันว่าไม่ถึงขั้นนั้น ที่ผ่านมาพ่อแม่ตนเองยังไม่เคยเห็นหน้านายระพีพัชร มีเพียงพี่สาวที่เคยเจอเขา สถานะก็เพียงแค่กำลังศึกษากัน ไม่ถึงขั้นเรียกว่าแฟน

  “ที่มาพบเจอกันครั้งแรก เป็นกรณีที่ทางบริษัทมีเลี้ยงมีตติ้งขอบคุณบรรดาลูกค้าที่เป็นยูชเซอร์ทั่วๆ ไป ส่วนเงินรายได้ที่ทางบริษัทแบ่งให้กับวีเจแต่ละราย ขึ้นอยู่กับจำนวนไอคอนของขวัญที่ทำยอดได้ไม่เท่ากัน แต่ขอไม่เปิดเผยสัดส่วนแบ่งเพราะเป็นความลับบริษัท”

 ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าตนได้ให้ทนายความโทรไปขู่จะฟ้องร้องแม่ของนายระพีพัชรที่ทำให้ตนเสียหาย ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยตั้งแต่เกิดเหตุตนเป็นฝ่ายอยู่เฉยๆ มาตลอด มีเพียงแจ้งไปยังบางสื่อเพื่อขอให้ลบภาพตนเองในข่าวออกเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ตนเองยังไม่พร้อมชี้แจงเรื่องราวทั้งหมด แต่จะขอออกมาชี้แจงทุกสิ่งทุกอย่างในเร็วๆ นี้

  ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามซักถามเพิ่มเติมในบางประเด็น วีเจสาวได้กล่าวตัดบทว่า ยังไม่พร้อมให้ข้อมูลและหากพร้อมชี้แจงเมื่อไหร่จะติดต่อผู้สื่อข่าวอีกครั้ง

ที่มา ข่าวสด


0 comments:

Post a Comment

กด Like เพื่อร่วมติดตามข่าวใหม่ๆก่อนใคร

Advertisement

ข่าวที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Flag Counter

Powered by Blogger.

กด Like = 1 กำลังใจ
กดพื้นที่ว่างหรือกากบาทด้านล่างเพื่ออ่านข่าว

Powered By | Blog Gadgets