Monday, January 4, 2016

ตีนแมวกรุงเก่า งัดบ้านผู้พิพากษาอาวุโส ศาลฎีกา 4 ครั้ง สูญครึ่งล้าน


ตีนแมวเมืองกรุงเก่า ย่องงัดบ้านผู้พิพากษาอาวุโส ศาลฎีกา 4 ครั้ง สูญทรัพย์สิน ร่วมครึ่งล้าน วอนตร.ช่วยจับคนร้าย ตรวจสอบไม่พบรอยนิ้วมือแฝง คาดเตรียมการมาดี สุนัขเลี้ยงไว้  3 ตัว ก็ไม่เห่า คาดคนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าของบ้าน


เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 4 ม.ค. ร.ต.ท.สุชาติ ยอดดำเนิน ร้อยเวร สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งจากนายพันวะสา บัวทอง อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/229 ม 2 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา ผู้พิพากษาอาวุโส ศาลฎีกา ว่าได้มีคนร้ายย่องเข้ามางัดบ้านลักทรัพย์สิน จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย จนท.กองวิทยาการไปยังที่เกิดเหตุ


เมื่อไปถึงพบว่า บ้านที่เกิดเหตุปลูกอยู่เกือบสุดซอย ห่างจากบ้านเรือนประชาชน ในเนื้อที่ 73 ตร.ว. โดยปลูกเป็นบ้านชั้นเดียว มีรั้วกำแพงและปลูกต้นไม้ไว้ล้อมรอบบ้าน โดยคนร้ายได้ใช้ค้อนทุบกำแพงทางด้านข้างของบ้านซึ่งติดกับบริเวณพื้นที่ว่างเปล่าจนทะลุ แล้วรอดตัวเข้าไปในเขตบ้าน จากนั้นเดินเข้าไปใช้เสียมที่ว่างอยู่งัดหน้าต่างและเหล็กดัดหลังบ้าน เข้าไปรื้อค้นทรัพย์สินตามตู้เสื้อผ้า โต๊ะลิ้นชัก จนกระจัดกระจาย โดยพบว่ามีเพียงเครื่องเสียงหายไป 1 เครื่อง เนื่องจากไม่ได้เก็บของมีค่าไว้ในบ้านแล้ว

นายพันวะสา เปิดเผยว่าตนเป็นผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา โดยต้องไปทำงานที่ศาลฎีกา ตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ กทม.ทุกวัน ปกติก็จะทิ้งบ้านไว้ มีนางวิลัย นานอก อายุ 54 ปี เพื่อนบ้านที่สนิทกันคอยดูแลและเดินสำรวจบ้านให้เป็นประจำ ส่วนภรรยาของตนคือนางจงดี บัวทอง อายุ 62 ปี พักอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ แต่ก็จะแวะมาดูและมานอนพักผ่อนอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

"ปรากฏว่าเมื่อช่วงเช้านางวิลัย ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านได้เข้ามาดูบ้าน ก็พบว่าบ้านถูกงัด จึงโทรศัพท์แจ้งตน ตนจึงกลับมาบ้านแล้วโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ โดยคนร้ายเคยเข้ามาลักทรัพย์สินแล้วรวม 4 ครั้ง มูลค่าทรัพย์สินเกือบครึ่งล้านบาทแล้ว จึงไม่เก็บอะไรไว้ในบ้านอีกเลย เหลือเพียงเครื่องเสียง ที่นอน และของจำเป็นบางอย่าง แต่ก็ยังไม่วายถูกขโมยไปอีก วอนให้ตำรวจช่วยจับคนร้ายให้ได้ เพื่อที่จะไม่ไปลักทรัพย์สินคนอื่น" นายพันวะสา กล่าว

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบหารอยนิ้วมือแฝง แต่ก็ไม่พบ คาดว่าคนร้ายหน้าจะเตรียมการมาดี นอกจากนี้เจ้าของบ้านยังเลี้ยงสุนัขเอาไว้ 3 ตัว ก็ไม่เห่าเลย จึงสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าของบ้านว่าไม่มีคนอยู่ และต้องเป็นคนละแวกดังกล่าว เนื่องจากสุนัขไม่เห่าเลย เจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนหาตัวคนร้ายเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์


0 comments:

Post a Comment

กด Like เพื่อร่วมติดตามข่าวใหม่ๆก่อนใคร

Advertisement

ข่าวที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Flag Counter

Powered by Blogger.

กด Like = 1 กำลังใจ
กดพื้นที่ว่างหรือกากบาทด้านล่างเพื่ออ่านข่าว

Powered By | Blog Gadgets