รวบเครือข่ายพันโทยี่เซ ยึดยาบ้า 1 แสนเม็ด ยึดทรัพย์กว่า 10 ล้าน เผยใช้ปิคอัพแปลงเป็นช่องลับซุกยาเสพติด
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 ส.ค. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.ประหยัชว์ บุญศรี รอง ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พล.ต.ต.ภรณุเดช บุญเรือง ผบก.ภ.จว.แพร่ พ.ต.อ.ยุทธชัย พัวประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.นรินทร์ วรรณมณี ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ .พ.ต.อ.วินัย สุขศิริ ผกก.สภ.แม่ทา จ.ลำพูน ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายศุภฤกษ์ เผ่าพันธุ์ อายุ 28 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 595 หมู่ 14 ต.ยุหว่า อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษปรเภพท 1 (ยาบ้า) จำนวน 100,000 เม็ด ราคาชื้อขายประมาณ 15,000,000 บาท รถกระบะยี่ห้อมิตซูบิซิ รุ่นสตราด้า สีเทา หมายเลขทะเบียน ผพ 577 เชียงใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ดัดแปลงทำเป็นช่องลับใต้กระบะสำหรับซุกซ่อนยาเสพติดจำนวน 1 คัน โดยแจ้งข้อาหา “มียาเสพติดไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย”
ทั้งนี้ ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด บช.ปส.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดขยายผลเกี่ยวกับยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ว่ามีรถยนต์ของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดชาวเขาเผาลีซอมักจะลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนเข้าสู่ปริมณฑล จึงทำการตรวจสอบพบรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิซิ รุ่นสตราด้าสีเทา หมายเลขทะเบียน ผพ 577 เชียงใหม่ พบว่าเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว ได้ลำเลียงยาเสพติดไปยังพื้นที่ อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี จึงเฝ้าติดตามสืบสวนจับกุม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2558 เจ้าหน้าที่พบรถยนต์คันดังกล่าวขับมาจากแนวชายแดนด้าน อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ มุงหน้าไป จ.ลำพูน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ทา ได้สกัดตรวจค้น ผลปรากฎว่าพบยาบ้าจำนวน 2,000 เม็ด ซุกซ่อนในรถยนต์คันดังกล่าว ต่อมาได้ควบคุมตัวนายศุภฤกษ์ เผ่าพันธ์ ไปขยายผลตรวจค้นที่คอนโดมิเนียม ย่านถนนห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งนายศุภฤกษ์ ได้เช่าไว้ สำหรับพักยาเสพติด ผลการตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 80,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในห้องพักดังกล่าว จึงควบคุมตัวนายศุภฤกษ์ พร้อมของกลางยาบ้าทั้งหมดจำนวน 100,000 เม็ด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ทา จ.ลำพูน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
อีกรายเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 ร่วมกับ พล.ต.ต.ประหยัชว์ บุญศรี รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.อ.เกษมสุข ตาคำ รอง ผบ.มทบ.33 พ.ต.อ.ยุทธชัย พัวประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายกฤชกร หรือปริยัติ หรือมืด สิงห์ทะ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/2 หมู่ 1 ต.บงตัน อ.ดอยเต่า จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. และ .45 มม.จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืนยาวลูกกรด ขนาด .22 จำนวน 2 กระบอก ซองบรรจุกระสุนปืน จำนวน 4 ซอง เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. ขนาด .45 และขนาด .22 รวมทั้งหมดจำนวน 213 นัด เศษกระดาษไขมันสัญลักษณ์ วาย 1 (น่าเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ใช้บรรจุยาเสพติด)สีดำ จำนวน 1 ถุง โดยกล่าวหา “ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในความครองครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย“ และ “มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน ไวในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 พ.ค.2588 เวลาประมาณ 22.30 น.เจ้าหน้าที่ บก.สส.ภ.5 กับพวกได้จับกุมตัวนายสำลี หรือนก แก้วนิล อาบุ 38 ปี ที่อยู่ 131/2 ถนนเมืองเก่า ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่ พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 20,000 เม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้บริเวณถนนสายเชียงใหม่-ฮอด อ.หางดง จ.เชียงใหม่
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลพบจนนำไปสู่การออกหมายจับนายกฤชกร หรือปริยัติ หรือมืด สิงห์ทะ ผู้ต้องหารายนี้ตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จง 393/2558 ลงวันที่ 21 ส.ค.2558 ต่อมาในวันที่ 22 ส.ค.2558 เวลาประมาณ 14.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวนายกฤชกร หรือปริยัติ หรือมืด สิงห์ทะ ได้ที่บ้านพัก และตรวจค้นพบอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และเศษกระดาษไขมีสัญลักษณ์ วาย 1 (น่าเชื่อว่าป็นสิ่งที่ใช้บรรจุยาเสพติด)
พร้อมทั้งได้ตรวจยึดทรัพย์สิน ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2555 ทำการยึดทรัพย์ ประกอบด้วย เงินสด จำนวน 1,785,000 บาท สร้อยคอทองคำ จำนวน 4 เส้น น้ำหนัก รวม 6 บาท ราคาประมาณ 120,000 บาท ที่ดิน (มีโฉนด) ต.บงตัน และ ต.บ้านแอ่น อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ จำนวน 4 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ ราคาประมาณ 5,500,000 บาท อาคารพาณิชย์ ตั้งอยู่ อ.หางดง จว.เชียงใหม่ ราคาประมาณ 2,800,000 บาท รถกระบะ และรถยนต์เก๋ง รวม 3 คัน ราคาประมาณ 1,550,000 บาท รวมราคาทรัพย์สินที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดทรัพย์ทั้งหมด ราคาประมาณ 11,655,000 บาท จากนั้น ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ที่มา ข่าวสด
0 comments:
Post a Comment