Monday, December 12, 2016

สลดทารกกะโหลกแตก!! พนง.ฉีกถุงแยกขยะ เปิดออกมาช็อกเจอศพเด็ก ทิ้งอยู่ในถัง


เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เก็บขยะของเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราว่า พบศพทารกเพศชาย วัยประมาณ 5 เดือน ถูกนำมาทิ้งในถังขยะ บริเวณหน้าอู่รถบัสของบริษัทประดิษฐ์รุ่งเรือง ถ.ศุขประยูร ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา หลังรับแจ้งเหตุแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทราได้รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบศพทารกเพศชายอยู่ภายในถุงดำ บนรถขยะของเทศบาลเมืองเชิงเทรา


จากการสอบถามนายสายัณห์ คันต่าย อายุ 56 ปี พนักงานเก็บขยะหลังรถ ทราบว่า ได้นำขยะจากในถังขึ้นมาไว้ท้ายรถ จากนั้นก็จะฉีกถุงขยะเพื่อแยกพลาสติก ปรากฏว่าต้องตกใจเมื่อพบศพของทารกภายในถุง จึงแจ้งให้นายสมพิศ สอดแสง อายุ 54 ปี เจ้าหน้าที่ขับรถเก็บขยะของเทศบาลทราบ เพื่อประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ


จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ศพทารกที่พบมีลักษณะสมบูรณ์ ร่างกายมีแขนขาและเล็บมือเล็บเท้าที่สมบูรณ์ แต่น่าจะถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต เพราะที่บริเวณศีรษะกระดูกกะโหลกบริเวณหน้าผากมีลักษณะแตกและยุบลงไป ที่บริเวณแผ่นหลังมีลักษณะเขียวช้ำอมแดง ซึ่งคาดว่าแม่หรือคนใจร้ายอาจทำร้ายลูกตนเองจนเสียชีวิต ก่อนนำศพใส่ถุงดำมาโยนทิ้งลงถังขยะ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดที่อยู่บริเวณนั้น เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ที่มา ข่าวสด


Tuesday, December 6, 2016

กระบะสุดสยอง!! หลังคาเปิดเสยยับรถบรรทุกไก่ จนท.งัดศพสองหนุ่ม-ถึงกับผงะร่างหัวขาด


เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. ร.ต.อ.บัญชา ชอบธรรม รองสารวัตร สอบสวน สภ.พัฒนานิคม ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.พัฒนานิคมว่า ได้เกิดอุบัติเหตรถชนกันที่ ถนนสายลพบุรี-หล่มสัก หลักกิโลเมตรที่ 31-32 ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตติดคาซากรถ จำนวน 2 ศพ รองสารวัตรสอบสวน จึงได้ประสานอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ


พบเป็นจุดกลับรถบ้านดีลัง-วังเพลิง พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน ฒท-102 กรุงเทพมหานคร ชนท้ายรถบรรทุกหกล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 81-0925 ปทุมธานี ในสภาพด้านหน้ารถพังยับเยินจากแรงกระแทก ภายในรถพบศพผู้เสียชีวิตติดคาซากรถอยู่ 2 ราย เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้ใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้ในเวลาต่อมา สภาพศพสยดสยอง ศีรษะหายทั้งสองราย


จากการสอบสวนของรองสารวัตรสอบสวน ทราบว่า รถบรรทุกไก่ได้ออกมาจากบริษัท และได้เบรกกะทันหันเพื่อจะกลับรถ โดยไม่ทันระวังว่ามีรถกระบะขับตามหลังมาอย่างกระชั้นชิดและขับมาด้วยความเร็วสูงเพื่อมุ่งหน้าไปทางจังหวัดเพชรบูรณ์ ทำให้ชนท้ายรถบรรทุกไก่อย่างจัง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตสุดสลดดังกล่าว ทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมา คือ นายภาคิน ตราเงิน อายุ 47 ปี และ นายณัฐกร วันละ อายุ 22 ปี

รองสารวัตรสอบสวน ได้ควบคุมตัวคนขับรถบรรทุกไก่ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.พัฒนานิคม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย นำเก็บไว้ที่ รพ.พัฒนานิคม เพื่อแจ้งญาติให้นำกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป

ที่มา ข่าวสด


ภาพหลุดสมภารวัดดังขอนแก่น แต่งฆราวาส-กอดจูบสีกา ล่าสุดยอมสึก-ขนทรัพย์สินหายไร้วี่แวว


เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวเน็ตขอนแก่นต่างพากันแชร์ภาพพระครูโอภาสธรรมวิภัช (นายสมหวัง คุณธมโม) อายุ 54 ปี เจ้าอาวาสวัดศรีสว่างโนนทัน อ.เมืองขอนแก่น คู่กับหญิงสาวคนหนึ่งอายุประมาณ 30 – 40 ปี ไปตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าภาพดังกล่าวคือพระครูโอภาสธรรมวิภัช ได้แต่งตัวเป็นฆราวาส สวมหมวก และมีการถ่ายภาพคู่


ผู้สื่อข่าวจึงรีบไปตรวจสอบ ที่วัดศรีสว่างโนนทันทันที โดยพบว่าชาวบ้านจำนวนมากต่างยังคงพากันจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งยังคงมีการนำภาพหลุดของเจ้าอาวาส มาแสดงให้กับผู้สื่อข่าวดูและยืนยันว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันจริง


นายเรือง สุระเสียง อายุ 75 ปี ไวยาวัจกรณ์ของวัดศรีสว่างโนนทัน กล่าวว่า ภาพที่ปรากฏเป็นภาพของพระครูโอภาสธรรมวิภัช ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีสว่างโนนทัน ซึ่งเมื่อช่วงเช้าของเมื่อวานที่ผ่านมา (5 ธ.ค.) พระลูกวัด รวมไปถึงคณะกรรมการวัดและคนในชุมชนบ้านโนนทัน ได้นำภาพดังกล่าวเข้าสอบถามถึงข้อเท็จจริง ซึ่งพระครูโอภาสธรรมวิภัชยอมรับด้วยตนเองว่าเป็นภาพจริงและเป็นเหตุการณ์จริง

นายเรืองกล่าวว่า คณะกรรมการวัดจึงให้เจ้าอาวาสรับผิดชอบโดยลาสิกขาบท โดยนิมนต์พระเทพกิตติรังสี ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดธาตุพระอารามหลวง ทำพิธีดังกล่าว จากนั้นอดีตเจ้าอาวาสได้มาเก็บทรัพย์สอนและสิ่งของต่างๆ โดยเฉพาะเงินสดที่เก็บอยู่ภายใสวนกุฎิจำนวนหนึ่ง โทรทัศน์ 1 เครื่อง ก่อนที่จะขับรถยนต์เก๋งส่วนตัว ออกจากวัดศรีสว่างโนนทันไปโดยไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด

“ ในช่วงที่คณะกรรมการวัดและพระลูกวัด ได้ให้อดีตเจ้าอาวาสชี้แจงนั้น ท่านยอมรับทุกข้อกล่าวหาพร้อมระบุว่าหญิงสาวคนดังกล่าวที่ปรากฎในภาพได้มาทำบุญที่วัดนานถึง 1 ปี และช่วงหลังออกพรรษาได้ออกจากวัดไป 3 – 4 คืน ก่อนจะมีภาพข่าวดังกล่าวปรากฏออกมา ทั้งรูปถ่ายคู่กับหญิงสาว และเดินทางไปร่วมงานแต่ง ที่ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น”

นายเรือง กล่าวต่ออีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ทุกคนนั้นรับไม่ได้ เพราะส่งผลต่อชื่อเสียงของวัดและความเลื่อมใสศรัทธาในวงการพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะวัดศรีสว่างโนนทัน เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัด มีญาติโยมมาทำบุญและประกอบพิธีทางศาสนา หรือกิจกรรมทางศาสนามาโดยตลอด อีกทั้งอดีตเจ้าอาวาส นั้น เป็นพระนักพัฒนา และเป็นพระอยู่ในพระธรรมวินัยมาโดยตลอด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผิดกิจของสงฆ์อย่างชัดเจน ทำให้ต้องลาสิกขาบทเป็นฆราวาส ส่วนการปกครองของวัดดังกล่าวแห่งนี้และการประกอบพิธีทางศาสนกิจต่างๆยังคงดำเนินการไปตามปกติ โดยมีสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น เข้ามาตรวจสอบและดำเนินงานให้ถูกหลักและระเบียบต่างๆต่อไป

ที่มา ข่าวสด


Monday, December 5, 2016

พระเอก‘หมาก-ปริญ’ เผยเหตุการณ์วันตื้บลูกชายนายพล หลังให้ปากคำตำรวจนานกว่า 3 ชม.


เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ธ.ค. พระเอกชื่อดัง หมาก-ปริญ สุภารัตน์ ได้เดินทางมาถึงที่ สภ.ช้างเผือก เชียงใหม่ และได้เดินขึ้นไปชั้นสองของโรงพัก เพื่อให้ปากคำในฐานะพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ คดีทำร้ายลูกชายนายพล ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.ธีระพล อินทรลิบ รอง ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ เป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง โดยการสอบปากคำใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าจึงแล้วเสร็จ เมื่อเวลาประมาณ 19.50 น.


พระเอกหนุ่ม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้เนื่องจากมีหมายเรียกตนไปที่บ้านที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อตนรู้ ตนจึงต้องรีบมา เพื่อที่จะให้ปากคำที่เราทราบว่าเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็ได้รายงานให้ทางตำรวจได้รับทราบทุกอย่าง โดยตนได้ให้ปากคำทุกอย่าง บอกสิ่งที่ตนรู้ทุกอย่าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนั้นได้ไปเข้าห้องน้ำจริงหรือไม่ หมาก เปิดเผยว่า “ผมเข้าห้องน้ำจริงครับ แต่ไม่เห็นตอนทำร้ายกัน ซึ่งผมได้ให้ปากคำไปหมดทุกอย่างที่ผมทราบ หากพนักงานสอบสวนเรียกตัวผมมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีก ผมก็ยินดี ให้ความร่วมมือเต็มที่”

ส่วนเพื่อนดาราคนอื่นจะมาให้ปากคำตำรวจด้วยหรือไม่นั้น หมาก ตอบว่า ไม่ทราบในส่วนของคนอื่น อย่างไรก็ตามวันนี้ตนก็จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เลย ในเวลา 20.45 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพระเอกหนุ่ม เดินออกมาหลังสอบปากคำแล้วเสร็จ ก็มีประชาชนมาขอถ่ายภาพด้วย พระเอกหนุ่มก็ถ่ายด้วยแบบเป็นกันเอง และได้ออกมาที่ด้านนอกโรงพัก จากนั้น พระเอกหมากได้เงยหน้าขึ้นดูท้องฟ้า และได้พูดขึ้นมาลอยๆ ว่า “อากาศดีจัง” จากนั้นก็ขึ้นรถออกไป

ที่มา ข่าวสด


อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า


ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันเดียวกันนี้ทางทำเนียบรัฐบาลได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ประดิษฐานด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า


โดยประดับครุฑพ่าห์อยู่เบื้องล่างพระบรมฉายาลักษณ์ เหนืออักษรข้อความทรงพระเจริญ พร้อมวางพานพุ่มเงินพานพุ่มทองเพื่อถวายราชสักการะ นอกจากนี้ที่บริเวณรั้วด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล และด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าได้มีการประดับประดา ตกแต่งด้วยดอกดาวเรืองสีเหลือง ที่เป็นสีประจำวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทั้งนี้ การประดับประดาด้วยดอกดาวเรืองนั้นมีความสวยงาม ทำให้ข้าราชการหน่วยงานภายในทำเนียบรัฐบาล ต่างพากันมาถ่ายภาพเพื่อเก็บความสวยงามนี้ไว้

ขณะที่ทำเนียบรัฐบาลได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชประดิษฐานที่หน้าตึกสันติไมตรี ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก พร้อมประดับพานพุ่มดอกไม้และเครื่องทองน้อยเป็นราชศักดิ์การะ

ที่มา ข่าวสด


สองสาววัยรุ่นโดนมอมเหล้าข่มขืนพาทิ้งซอยเปลี่ยว เร่งตามตัวกลุ่มบิ๊กไบก์ผู้ต้องหา


เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 6 ธันวาคม 2559 ร.ต.อ.อนุพงษ์ พ่วงพี่ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีผู้หญิงวัยรุ่นจำนวน 2 คน ถูกคนร้ายมอมเหล้าแล้วรุมโทรมข่มขืนกระทำชำเราก่อนนำมาทิ้งไว้ที่บริเวณกลางซอย 10 สุขุมวิทพัทยา ม.5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังนำกำลังชุดสืบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา รุดตรวจสอบ


ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านกำลังช่วยเหลือ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี และ น.ส.บี (นามสมุติ) อายุ 14 ปี โดย น.ส.เอ อยู่ในอาการชักเกร็งและตาค้าง ส่วน น.ส.บี นอนหมดสติอยู่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ จึงปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเคลื่อนย้ายนำส่ง รพ.บางละมุง

สอบถาม นายราเชน ไชยรัตน์ อายุ 25 ปี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีน้องสาววิ่งเข้ามาบอกว่ามีผู้หญิงวัยรุ่นจำนวน 2 คน โดยคนแรกยืนคุยกับต้นมะม่วง ส่วนอีกคนนอนหมดสติอยู่กับพื้น จึงรีบเข้าไปตรวจสอบและช่วยเหลือ พร้อมกับสอบถามเหตุการณ์ว่าเป็นมาอย่างไร ทราบว่าทั้งคู่ถูกผู้ชายจำนวน 6 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ลักษณะบิ๊กไบค์คล้ายกัน 3 คัน พาไปดื่มเหล้ากันบริเวณริมหาดกระทิงลาย

หลังจากนั้นเริ่มมีอาการเมามาย ชายวัยรุ่นทั้งหมดได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ก่อนจะนำมาปล่อยทิ้งไว้บริเวณจุดเกิดเหตุ ระหว่างนั้นได้มีชายวัยรุ่นจำนวน 6 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ซึ่งลักษณะคล้ายกับตามที่ผู้เสียหายเล่าให้ฟัง ได้นำโทรศัพท์มือถือละกระเป๋าเครื่องสำอางมาคืนผู้เสียหาย ก่อนจะพากันขับรถออกไป ภายหลังเมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

เบื้องต้น ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ยังไม่สามารถให้การได้อย่างละเอียดมากนัก เนื่องจากอยู่ในอาการเมามายและสับสน อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามตัวชายวัยรุ่นที่ถูกกล่าวอ้างมาสอบสวน พร้อมกับให้แพทย์ตรวจร่างกายผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ยืนยันว่าถูกข่มขืนกระทำชำเราจริงหรือไม่

ที่มา ข่าวสด


Friday, December 2, 2016

“เมืองคอน” อ่วมทั้งฝนและน้ำเหนือ ท่วมหนัก 9 อำเภอ ตายแล้ว 3 คน เตรียมประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 7 อำเภอ


ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโดยทั่วไปในวันที่ 3 ธันวาคม พบว่าฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ส่งผลให้สภาพภูมิอากาศมืดครึ้ม ตามถนนในเขตตัวเมืองและรอบเมืองบางสายรถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ อาทิเช่น ถนนสาย 401 นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี ช่วง อ.สิชล อ.ท่าศาลา บางช่วง โดยน้ำในคลองท่าทน องสิชลได้ล้นเอ่อไหลบ่าเข้าท่วมถนนตั้งแต่กลางดึกคืนที่ผ่านมา (2 ธันวาคม) ขณะที่ปริมาณน้ำในคลองกลาย ม.1 ต. นบพิตำ อ. นบพิตำ ระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากฝนตกตลอดทั้งคืนจึงทำให้มวลน้ำที่ลงมาจาก ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ มีปริมาณมากกำลังไหลลงมาทางตอนล่าง จะส่งผลให้พื้นที่ อ.พรหมคีรี อ.ท่าศาลา อ.สิชล มีน้ำท่วมฉับพลัน


นายชัยธวัศ ศิวบวร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า พื้นที่ในความรับผิดชอบของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มี 3 สาขา สาขาสิชลได้รายงานพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย อ.ขนอม อ.สิชล อ.ท่าศาลา และ อ.นบพิตำ ส่วนสาขาที่ 2 องทุ่งใหญ่ ได้รับรายงานว่า พื้นที่ อ.ทุ่งสง และ อ.ร่อนพิบูลย์ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก และ สาขา จ.นครศรีธรรมราช พื้นที่ได้รับผลกระทบในขณะนี้ คือ อ.จุฬาภรณ์ทั้งอำเภอ อ.ชะอวด อ.พระพรหม และ อ. เมือง ส่วนผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วม 3 ราย เป็นเด็ก 1 คนที่ อ.จุฬาภรณ์ และ เป็นชาย 2 คนที่ อ.สิชล


สรุปรวมอำเภอที่ได้รับความเสียหาย 9 อำเภอ เตรียมประกาศเป็นอำเภอภัยพิบัติ 6 อำเภอ เบื้องต้นขณะนี้ อปท.ในพื้นที่ได้ให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ประสานกำลังกับทางกองทัพภาคที่ 4 เข้าให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทางจังหวัดเตรียมขอกำลังสนับสนุนจากกองทัพภาคที่ 4 เตรียมเข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงาน ช่วงค่ำวันที่ 2 ธันวาคม นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง อ.จุฬาภรณ์ เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ โดยได้นั่งรถบรรทุกยีเอ็มซีของหน่วยทหารปืนใหญ่ที่ 15 ไปยังพื้นที่ประสบภัย ขณะที่ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง บางจุดระดับน้ำยังไหลเชี่ยวกราก พร้อมสั่งการให้นายอำเภอ และ อบต.รวมทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้านเข้าไปดูแลช่วยเหลือดูแลผู้ประสบภัยเบื้องต้น หากเกินกำลังของท้องถิ่นและอำเภอ ให้รายงานขอความช่วยเหลือไปยังจังหวัด

ขณะที่ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา ส่งผลให้ตามตรอกซอกซอยต่างๆมีน้ำท่วมขัง และมีปริมาณสูงกว่า 50 เซนติเมตร นายมนัส พงษ์ยี่หล้า รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้ลงตรวจสอบพื้นที่ภายในเขตเทศบาล ติดตั้งป้ายจราจร เตรียมอพยพชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงมาอยู่ในที่ปลอดภัย รวมทั้งเร่งสูบน้ำออกจากคลองสายหลัก

นายมนัส กล่าว น้ำมาเร็วมาก แต่ทางเทศบาลได้เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือไว้แล้ว ส่วนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนขณะนี้ได้อพยพออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย ซึ่งได้จัดเตรียมไว้ให้อยู่ในโรงเรียนเป็นการชั่วคราว พร้อมประสานขอกำลังไปยังหน่วยทหารกองทัพภาคที่ 4 ทันทีเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนออกจากพื้นที่

ที่มา matichon


มือปืนควบเก๋งกระหน่ำยิง 9 นัด แม่ค้าเครื่องสำอางดับต่อหน้าลูกชายวัย 11 ขวบ


เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 2 ธ.ค. พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่หน้าบ้านเลขที่ 54 ซอยพลับอุทิศ ถนนราษฏร์อุทิศ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.ท.รณน สุระวิทย์ รองผกก.ป., พ.ต.ท.เอกรัฐ สวนแสน รองผกก.สส., ตำรวจชุดสืบสวน และแพทย์ร.พ.หาดใหญ่


ที่เกิดเหตุเป็นบ้านห้องแถวปลูกติดกันหลายคูหา บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว พบศพน.ส.วิวดา วรรณทวี อายุ 53 ปี เจ้าของบ้าน นอนหงายจมกองเลือด มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. เข้าที่ศีรษะและตามลำตัวรวม 9 นัด นอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถจยย.ซูซูกิ สเต็ป สีดำ หมายเลขทะเบียน งกก 381 สงขลา นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนขนาด 9 ม.ม. จำนวน 9 ปลอก ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายเครื่องสำอางอยู่ในตลาดกิมหยงหาดใหญ่ ก่อนเกิดเหตุหลังเลิกงานได้ขี่รถจยย.กลับบ้านพัก ขณะที่ยืนเรียกลูกชายให้เปิดประตูบ้าน ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนขับรถเก๋งสีดำ ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน มาจอดเทียบหน้าบ้านก่อนลดกระจกลงแล้วใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่ผู้ตายจำนวน 9 นัด จนล้มลงกับพื้นเสียชีวิตคาที่ ต่อหน้าลูกชายวัย 11 ปี จากนั้นขับรถหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ ต้องรอสอบปากคำผู้ใกล้ชิดและผู้ที่รู้จักคุ้นเคย รวมทั้งสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อม เพื่อรวบรวมไว้เป็นข้อมูลในการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ที่มา ข่าวสด


Thursday, December 1, 2016

ภาพประวัติศาสตร์พสกนิกรไทย ทรงรับเป็น “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ 10


 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ภายหลังสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวารถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และเสด็จฯ กลับเวลา 18.43 น.


ต่อมาเวลา 19.16 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ออก ณ ห้อง UPPER MAIN CR.M (ห้อง วปร.) พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา เข้าเฝ้าฯ


สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประทับยืนหน้าพระที่นั่งกง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคมทูลอัญเชิญพระรัชทายาท เสด็จขึ้นทรงราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ สืบราชสันตติวงศ์


“โดยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15.52 น. โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557 มาตรา 2 วรรค 2 ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 วรรค 1 ได้บัญญัติเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ว่า ในกรณีที่ราชบัลลังค์ว่างลง และกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ ตามกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2461 แล้ว ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบและให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบและให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป และให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบ บัดนี้ คณะรัฐมนตรีได้แจ้งให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทราบ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2559 ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงแต่งตั้ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทไว้ตามกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467แล้ว


ข้าพระพุทธเจ้าได้ดำเนินการเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อรับทราบในคราวประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 76/2559 เป็นพิเศษ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2559 และสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้รับทราบการแต่งตั้งพระรัชทายาทแล้ว


ข้าพระพุทธเจ้าประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่ประธานรัฐสภาในนามของปวงชนชาวไทยจึงขอพระราชทานอัญเชิญใต้ฝ่าละอองพระบาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์สืบไป เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557 มาตรา 2 วรรค 2 ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 วรรค 1 ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559”

ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำรัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์ ว่า “ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภาและกล่าวในนามของปวงชนชาวไทย เชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ ถ้าเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธานและเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง”

จากนั้นเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ไปประทับราบ ณ พระสุจหนี่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงกราบถวายบังคม ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ ทรงกราบราบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นทรงมีพระราชปฏิสันถารกับคณะผู้มาเฝ้าฯ เสด็จฯ ขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ได้ทำการถ่ายทอดสดพร้อมกันทุกสถานีไปทั่วประเทศ ในเวลา 22.05 น. เพื่อให้ประชาชนได้รับชมพิธีมหามงคลครั้งนี้

ภายหลังเสร็จสิ้นการกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จขึ้นทรงราชย์แล้ว โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และเพลงสรรเสริญพระบารมี

ที่มา matichon


Wednesday, November 30, 2016

ตอนบนอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง1-3องศา ‘กทม.-ปริมณฑล’ เช้านี้เย็นสุด22-23องศา

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2559

ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็น และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียสในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ตรัง และสตูล ขอให้ประชาชนในจังหวัดดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง


ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นลง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา กับมีลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลาง ที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา
อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-10 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา กับมีลมแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-12 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา
อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา
อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักถึงหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และปัตตานี
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นในตอนเช้าและกลางคืน อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ที่มา matichon


กด Like เพื่อร่วมติดตามข่าวใหม่ๆก่อนใคร

Advertisement

ข่าวที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Flag Counter

Powered by Blogger.

กด Like = 1 กำลังใจ
กดพื้นที่ว่างหรือกากบาทด้านล่างเพื่ออ่านข่าว

Powered By | Blog Gadgets