หึงน้องบุญธรรม! หนุ่มกำแพงแสน ลวงเพื่อนฆ่าหมกป่าช้า ข้อหาแอบชอบ

 

หนุ่มกำแพงแสน ลวงเพื่อนทำร้ายจนเสียชีวิต ก่อนหมกศพในป่าช้า หลังผู้ตายสารภาพแอบชอบน้องสาวบุญธรรม ทั้งที่มีลูกเมียแล้ว รับหึงหวงเพราะตัวเองก็ชอบเหมือนกัน


เวลา 11.00 น. วันที่ 20 เม.ย. 59 พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.รัตนะ ปาลจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิติพจน์ พจน์นาคม ผกก.สภ.กำแพงแสน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นายชำนิเป๊ก ตรียะพันธ์ อายุ 31 ปี หลังควบคุมตัวได้ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.ดอนข่อย อ.กำแพงแสน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาฆ่า นายวิทยา มูลคำมี อายุ 22 ปี อาชีพรับจ้าง ชาว ต.โคกเครือ อ.หนองกุศรี จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลาง ท่อนไม้ที่ใช้ตีผู้ตาย 1 ท่อน รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พร้อมเสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะก่อเหตุเมื่อวันที่ 7 เม.ย. กระทั่งมาพบศพวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา

ด้าน พล.ต.ต.กฤษณะ กล่าวว่า นายชำนิ หรือเป็นเพื่อนกับ นายวิทยา ก่อนเกิดเหตุนั่งดื่มสุรา หลังจากนั้น นายวิทยา ขี่รถจักรยานยนต์โดยมี นายชำนิ ซ้อนท้ายออกมาหาซื้อยาบ้าเสพ กระทั่งถึงที่เกิดเหตุบริเวณป่าช้าเจดีย์ทอง หมู่ 13 ต.ดอนข่อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม นายชำนิ บอกให้จอดรถ จากนั้นสอบถามถึงเรื่องที่ นายวิทยา สารภาพว่าแอบชอบน้องสาว อายุ 15 ปี ทั้งที่มีลูกและภรรยาแล้ว โดยน้องสาวเป็นลูกของอา ที่พ่อแม่ของ นายชำนิ นำมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม จึงทำให้เกิดความโกธรแค้น เนื่องจาก นายชำนิ แอบชอบน้องสาวบุญธรรม แต่ไม่เคยถูกเนื้อต้องตัว หรือกระทำการล่วงเกินใดๆ

จากนั้น นายชำนิ บอกกับผู้ตายว่าจะขอทดสอบว่าจะดูแลน้องสาวได้หรือไม่ จึงต่อยผู้ตายล้มลง เมื่อเห็นว่าแน่นิ่งไปจึงนำรถจักรยานยนต์ทับไว้ พร้อมกับเดินหาไม้บริเวณดังกล่าวมาตีที่ท้ายทอย จากนั้นลากศพเข้าไปในป่า ห่างจากจุดเกิดเหตุกว่า 20 เมตร และไปหักใบตาลมาปิดไว้ พร้อมกับนำเหรียญมายัดปากเพื่อไม่ให้ผู้ตายพูดมาก ตามความเชื่อว่าจะทำให้สะกดวิญญาณได้ ก่อนที่ นายชำนิ จะขี่รถไปฝากไว้ที่บ้านเพื่อน และกลับบ้านใช้ชีวิตตามปกติ กระทั่งถูกจับกุมตัว

ทั้งนี้ นายชำนิ ให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่น ซ่อนเร้นหรือย้ายศพเพื่อปิดบังการตาย พร้อมคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และส่งศาลนครปฐมฝากขังต่อไป นอกจากนี้ พบว่า นายชำนิ มีประวัติเคยต้องโทษในคดีฆ่าผู้อื่นในพื้นที่ สภ.ดอนตูม จ.นครปฐม เมื่อปี 2552 และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2558.

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์